รายงานการวิจัย
เรื่อง เจตคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอเมือง จังหวัด ราชบุรี ต่อการจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ โดยใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต
ชื่อผู้วิจัย นางสาววรรณา ไชยศรี โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี
1. ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
จากการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ แบบเก่ามักเน้นหนักไปในทางให้นักเรียนอ่านและจำ การศึกษาค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม มีข้อจำกัดอยู่เฉพาะในหนังสือ การใช้กิจกรรมในการเรียนการสอนน้อยมาก ไม่มีแรงจูงใจ ทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย ไม่มีความสุขในการเรียน ไม่สนุกสนาน บรรยากาศในชั้นเรียนไม่มีชีวิตชีวา
แต่ในปัจจุบันการจัดการเรียนการสอน ต้องมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางโดยยึดหลักว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ การจัดการเรียนการสอนต้องมีความหลากหลายและทันสมัย โดยผู้สอนจะต้องเป็นผู้คอยช่วยเหลือและให้คำแนะนำเป็นอย่างดี จึงจะประสบความสำเร็จได้ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่หลากหลายในสาระภูมิศาสตร์ มีหลายวิธี แต่กิจกรรมหนึ่งที่ผู้วิจัยนำมาใช้คือการใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต
แนวคิด
แนวคิดหลักที่นำมาใช้ในการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 เพื่อปฏิรูปการเรียนรู้ที่กำหนดไว้ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
การจัดการเรียนการสอน ต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ดังนั้นต้องจัดสภาวะแวดล้อมบรรยากาศและการสอนที่หลากหลายเพื่อเอื้อต่อความสามารถของแต่ละบุคคล เพื่อให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติที่สอดคล้องกับความถนัดและความสนใจเหมาะสมแก่สภาพของผู้เรียน เพื่อให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่
2. วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาเจตนคติของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต
2. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนในการเรียนโดยใช้วิธีการสืบค้นทางอินเทอร์เน็ต
3. วิธีการดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยได้ดำเนินการศึกษาตามหัวข้อต่อไปนี้
4.1 กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/1 , 5/2 จำนวน 53 คน
4.2 เครื่องมือในการวิจัย
4.2.1 ผลงานนักเรียนที่ส่งผ่านทาง Email
4.2.2 แบบสอบถามเจตนคติของนักเรียน ต่อการจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ โดยใช้
วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต
4.2.3 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสาระภูมิศาสตร์
4.3 การรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยตนเอง ดังนี้
4.3.1 กำหนดเนื้อหาการสืบค้น
- สึนามิ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไทยและโลก
- สภาพทางภูมิศาสตร์แต่ละภาคของประเทศไทย
- สถานการณ์ทรัพยากรธรรมชาติของไทย
- วิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรของไทย
- โครงการพระราชดำริด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
- องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
4.3.2 นักเรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองจากการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตแล้วรวบรวมจัดทำเป็น ผลงานส่งผ่านทาง Email
4.3.3 ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้เปิดโอกาสให้นักเรียนนำเสนอผลงาน และอภิปรายซักถามปัญหาเกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียนและดำเนินการสอนทบทวน ให้กับนักเรียนกลุ่มเป้าหมายในสาระภูมิศาสตร์ ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548
4.3.4 นักเรียนทำแบบทดสอบและแบบสอบถามหลังจากจบการเรียนสาระภูมิศาสตร์ ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548
4.4 วิธีการวิเคราะห์ข้อมูล
ใช้วิธีหาค่าเฉลี่ยและหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และนำเสนอในรูปแบบของตาราง
5. ผลการวิจัย
จากแบบสอบถามที่ผู้สอนสอบถามเจตนคติของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548 โรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ต่อการจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ โดยการใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต จำนวน 53 คน
สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัย พบว่า เจตนคติของนักเรียนต่อการจัดการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนรัฐราษฎร์อุปถัมภ์ อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี ภาคเรียนที่ 1/2548 โดยการใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต มีเจตนคติอยู่ในระดับมาก และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อจะพบว่า นักเรียนมีเจตคติอยู่ในระดับมาก มากที่สุดในเรื่องเนื้อหามีความเหมาะสม การจัดการเรียนการสอนโดยใช้สื่อทางอินเตอร์เน็ตมีประโยชน์ มีความน่าสนใจ และนักเรียนต้องการให้มีการจัดการเรียนกรสอนโดยการใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตตามลำดับ
ส่วนในเรื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการในโรงเรียนมีเพียงพอ นักเรียนมีเจตคติอยู่ในระดับมาก แต่ในข้อความสะดวกในการใช้อินเตอร์เน็ต และนักเรียนมีความพึงพอใจในการส่งงานทางอีเมล์ อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการมีจำนวนเพียงพอ แต่อาจจะเนื่องมาจากห้องที่ใช้ค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ตมีจำกัด ไม่มีความสะดวกในการเข้าใช้ และการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตในโรงเรียนช้ามาก ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอแนะของนักเรียนประกอบกับนักเรียนมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ที่บ้านที่สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้มีเพียง 5 คนเท่านั้น ดังนั้นในการใช้อินเตอร์เน็ตของนักเรียนส่วนใหญ่จึงใช้บริการจากร้านค้าให้เช่า
แต่อย่างไรก็ตามนักเรียนส่วนใหญ่ก็ยังมีความพึงพอใจและต้องการให้มีการจัดการเรียนการสอนโดยใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ต เมื่อพิจารณาจากผลการเรียนของนักเรียนพบว่า ผลการเรียนของนักเรียนอยู่ในระดับดี ถึงผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ไม่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ แต่ผลการเรียนของนักเรียนยังไม่อยู่ในเกณฑ์ดีมากนัก ทั้งนี้จะต้องมีการพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยการใช้วิธีการสืบค้นทางอินเตอร์เน็ตต่อไป
ข้อเสนอแนะ
เพื่อความสะดวกในการใช้อินเตอร์เน็ตของนักเรียน จึงควรเพิ่มห้องที่ใช้ในการค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ตโดยเฉพาะ พัฒนาระบบเครือข่ายเชื่อมต่อทางอินเตอร์ให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และผู้วิจัยจะพยายามพัฒนาสื่อการเรียนการสอนผ่านทางอินเตอร์เน็ตให้มีความน่าสนใจและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์ดีมากขึ้น
ไม่มีความเห็น