วันที่ 25 ม.ค.50 ผมเข้าร่วมการสัมมนาภาคีการจัดการความรู้ภาคราชการ ครั้งที่ 6 โดยมีกรมสุขภาพจิตเป็นเจ้าภาพ จบการประชุมผมมีความสุขอย่างยิ่ง ที่ได้รับรู้และเรียนรู้ความก้าวหน้าในการใช้ KM อย่างชาญฉลาด เพื่อการพัฒนางาน พัฒนาคนและพัฒนาองค์กรที่เป็นหน่วยราชการ
ผมมั่นใจว่า "เพื่อนร่วมทาง" คุณหมอนนทลี วีรชัย แห่งกรมอนามัยคงจะรายงานสาระของการสัมมนาโดยละเอียด และต่อไปคุณอ้อ (วรรณา เลิศวิจิตรจรัส) ผู้ประสานงานเครือข่าย KM ราชการของ สคส. คงจะนำรายงานการประชุมมาลงบล็อก
ผมจึงจะบันทึกความประทับใจของผมสั้น ๆ ว่าทำไมเข้าร่วมกันสัมมนานี้แล้ว เอ็นดอร์ฟินในตัวผมจึงหลั่งพรั่งพรู
เพราะผมได้เห็นวิธีการจัดการวิธีการนำ KM ไปเป็นเครื่องมือพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาหน่วยราชการ ในระดับที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม องค์กร โดยมีตัวอย่างจาก
- กรมสุขภาพจิต นำเสนอโดย CKO รองอธิบดี นพ. วชิระ เพ็งจันทร์
- กรมอนามัย นำเสนอโดยคุณศรีวิภา เลี้ยงพันธุ์สกุล ทีมงานและเลขานุการคณะทำงาน KM กรมอนามัย
และยังมี กรมส่งเสริมการเกษตร และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และสถาบันบำราศนราดูรเป็นกรณีตัวอย่างแถมเข้ามาอีก
กล่าวได้ว่าแต่ละหน่วยงานมีวิธีคิด วิธีจัดระบบการใช้ KM ที่แตกต่างกันตามบริบทขององค์กรหรือตามสไตล์ของทีมขับเคลื่อน เป็น original KM ไม่ใช่ทำ KM ตามสูตรสำเร็จ
ผมมองว่าเคล็ดลับของความสำเร็จในการใช้ KM ในภาคราชการก็คือ original KM นี่แหละ ซึ่งหมายความว่าทีมแกนนำต้องมีความกล้าหาญ มีอิสระ และมีความเพียรในการตีความหลักการและเครื่องมือ KM แล้วเอามาใช้ในองค์กรของตนอย่างมีชั้นเชิง มีการคิดอย่างรอบคอบ และมีการปรับปรุง/ปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ
โดยมีหลักการสำคัญคือ KM ต้องเข้าไปช่วยให้ "คุณกิจ" มีความสุขขี้น
ผมขอถือโอกาส AAR ให้ทีม สคส. เสียเลย
- คุณจ๋าครับ กรมสุขภาพจิตมีโครงการทำ "ศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่น" ในโรงเรียน กรุณาคลำหาลู่ทางร่วมมือกันด้วยครับ
- คุณอ้อครับ คุณพีรพันธุ์ วิทยาลัยการปกครองจะจัดเครือข่าย KM 75 จังหวัด เราเอาประสบการณ์เครือข่าย KM เบาหวาน, UKM, KM ราชการ เข้าไปแจมดีไหม
- คุณอ้อมครับ โยงคุณทรงพล กับ หมอฉัตรลดา ศูนย์อนามัยที่ 1 เรื่อง KM อปท. ดีไหมครับ
ความสุขของผมเป็นความสุขยกกำลังสองนะครับ เพราะได้เห็นช่องทางส่งเสริม "KM ประเทศไทย" อีกหลายช่องทาง
วิจารณ์ พานิช
25 ม.ค.50