วันที่ 19 ม.ค.50 ผมมีความสุขมากที่การประชุม คณะกรรมการสนับสนุนการดำเนินงานตามนโยบายด้านสุขภาพ (คณะที่ 7) ครั้งที่ 1/2550 มีบรรยากาศของความร่วมแรงร่วมใจ คณะกรรมการช่วยกันระดมความคิดเรื่องการยกร่าง พรบ. การวิจัยสุขภาพ จนเราได้ "หัวใจไ หรือคุณค่าของการทำงานนี้อย่างชัดเจน คือการสร้างกลไกขับเคลื่อนระบบวิจัยสุขภาพ หรือจัดการตัวระบบ ให้ระบบมันพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ มีความซับซ้อนมากขึ้น เชื่อมโยงมากขึ้น และก่อผลดีต่อสังคมไทยมากขึ้น
การขับเคลื่อนระบบจะสร้างความเข้าใจในสังคม ว่าถ้าประเทศเราไม่รู้จักลงทุนวิจัยอย่างเหมาะสม ก็เท่ากับเราปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป
โอกาสที่หลุดลอยไป (opportunity loss) นั้น คือโอกาสที่จะได้ "กำไร" (เป็นคุณค่าและมูลค่า) จากการสร้างความรู้ขึ้นใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ
พระราชบัญญัติการวิจัยสุขภาพ จะสถาปนากลไกและองค์กรขึ้นทำหน้าที่ "จัดการการเปลี่ยนแปลง" (change management) แก่ระบบวิจัยสุขภาพ ที่เป็นการเปลี่ยนแปลง (พัฒนา) เชิงระบบ
เราจะต้องช่วยกันสร้าง learning curve เพื่อสร้างกลไกหรือองค์กรนี้ และสร้างทักษะในการจัดการระบบ จะเป็นครั้งแรกที่มีการสร้างองค์กรขึ้นมาดูแลระบบ จัดการระบบ ขับเคลื่อนระบบ โดยการทำ change management ในลักษณะของ systems change management
เราจะต้องช่วยกันประคับประคองให้เกิดการสร้างองค์ความรู้ว่าด้วยการบริหารระบบวิจัยของประเทศ ซึ่งในกรณีนี้คือระบบวิจัยสุขภาพ ซึ่งเป็น sector ย่อยของระบบวิจัยในภาพรวมของประเทศ
การได้มีโอกาส "ฝัน" เพื่อบ้านเมือง และช่วยกัน "ทำฝันให้เป็นจริง" เป็นความสุขอย่างยิ่งของคนแก่อย่างผม
วิจารณ์ พานิช
20 ม.ค.50
เป็นข่าวที่น่ายินดีอย่างยิ่งถ้าเราจะมีกฏหมายการวิจัยเพื่อสุขภาพในอนาคต จะคอยติดตามข่าวค่ะ