ข้อคิดธรรมะที่ได้หลังจากการไปดูหนังเรื่องพระนเรศวรมามีหลายประเด็น..แต่ที่อยากนำเสนอวันนี้คือ ตปะซึ่งเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งในทศพิธราชธรรม
ตปะ หมายถึง ความทรงเดช คือ แผดเผากิเลสตัณหา มิให้เข้ามาครอบงำย่ำยีจิต ระงับยับยั้งข่มใจได้ ไม่ยอมให้หลงใหลหมกมุ่นในความสุขสำราญและความปรนเปรอ มีความเป็นอยู่สม่ำเสมอ หรืออย่างสามัญ มุ่งมั่นแต่จะบำเพ็ญเพียร ทำกิจให้บริบูรณ์
เนื้อเรื่องในหนังได้สะท้อนให้เห็นว่าพระนเรศวรท่านทรงเจริญตปะอย่างน่าสรรเสริญยิ่งนัก...ยกตัวอย่างเช่น ท่านจะอยู่อย่างสุขสำราญทำตัวเป็นเกียร์ว่างไม่สนใจหรือขวนขวายฝึกตน..หลบอยู่แต่ในวังก็ได้เพราะบาเยงนอง(บุเรงนอง)รักใคร่เอ็นดูเป็นพิเศษ
แต่ท่านมีอุดมการณ์ความมุ่งมั่นที่จะคิดหาหนทางที่จะปลดแอกการเป็นเมืองขึ้นของพม่ารามัญ..แม้จะต้องอดทนกับความยากลำบากหรือเผชิญเรื่องที่ทำให้ต้องเสียพระทัยหลายครั้งหลายครา อาทิ ความหดหู่เศร้าหมองที่ต้องจากพ่อแม่แลบ้านเมือง,ความอาลัยในการสูญเสียพระญาติพระวงศ์ที่รักใคร่ไปการศึกสงคราม,ความคับแค้นใจที่ตกอยู่ในสภาวะเป็นตัวประกัน/เชลยศึก..เป็นต้น แต่พระองค์ก็ไม่ท้อถอยหรือละทิ้งกิจที่ตั้งใจไว้..เก็บแรงกดให้เป็นแรงผลักชักจูงให้มีเป้าหมายมีการไตร่ตรอง...
ความทรงเดชของพระนเรศวรท่านจึงมิใช่เพียงความสามารถในการต่อสู้กับอริราชศัตรูภายนอกเท่านั้นหากแต่พระองค์ทรงสามารถและห้าวหาญไม่น้อยในการต่อกรกับศัตรูที่อยู่ในพระทัยของพระองค์ และทรงกระทำได้สำเร็จสามารถกอบกู้เอกราชความเป็นปึกแผ่นให้แก่ประเทศชาติบ้านเมือง
ขณะนี้บ้านเมืองเรามีวิกฤติการณ์หลายอย่างที่ท้าทายและกดดัน..เราไม่รู้ว่ามันจะยืดเยื้อยาวนานเพียงไหนแต่เราพึงใช้สติและสร้างตปะร่วมกันดูแลจิตใจของตนและประเทศชาติอันที่รักยิ่งของเรา..อย่าให้กรณีน้ำผึ้งหยดเดียวมาเป็นเหตุให้ไทยด้วยกันต้องมาหักล้างหรือทำร้ายกันเอง เป็นช่องโหว่ให้ผู้ที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองของเราเข้ามาฉกฉวยแย่งชิงเอกภาพหรือเอกสิทธ์แห่งความเป็นไทของเราไป...