เขตอีสานเหนือที่จังหวัดดิฉันตั้งอยู่ อยู่ไกลปืนเที่ยงแถมยังมีเทือกเขาภูพานทอดยาวขวางกันการเดินทางไว้ไม่ให้สะดวก มาถึงนครพนม ตอนเย็นถ้าเลยเวลาหกโมงสิบห้านาทีแล้วอยากเดินทางต่อไปที่ไหน ๆ โดยรถประจำทางละก็ เป็นอันหมดสิทธิ ด้วยเหตุฉะนี้ นครพนมจึงเจริญช้ากว่าเพื่อในเชิงการพัฒนาแบบทันสมัย… ซึ่งนับว่าเป็นกุศลอย่างยิ่ง
การเดินทางเข้าพื้นที่ บ้านเหล่า อำเภอศรีสงครามอันเป็นเขตพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับโลก เป็นเส้นทางหนึ่งที่ให้ความรื่นรมย์แช่มชื่นขณะเดินทาง ตลอดระยะทางประมาณ ๓๐ กม. จากปากทางแยกเข้าสู่อำเภอ เรียงรายด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ยืนต้อนรับผู้คนที่ผ่านไปมา มีเพิงขายเห็ด ขายหน่อไม้ จักจั่น แมลงที่กินได้ทั้งหลายบ้าง แตงโมบ้าง สัปรสบ้าง แตงไทยบ้าง ตามฤดูกาล บางจุดที่มีไม้หนาแน่นมาก ๆ ก็มืดครึ้มเลย
มีจุดหนึ่งในรัศมี ๑๐ กม. จากตัวอำเภอ ต้นไม้แถบนั้นเป็นต้นไม้เก่าระดับ คน สองคน โอบ เวลาขับรถไปถึงบริเวณนั้นทีไร ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่เย็นสบายกว่าปกติ เป็นที่ที่พิเศษ ครึ้ม เป็นบริเวณศักดิ์สิทธิ์ ....อาจารย์เปรื่อง เปลี่ยนสายสืบ ผู้ล่วงลับไปแล้ว เคยอธิบายให้ดิฉันฟังว่า
“ในบริเวณที่เป็นทางน้ำตามธรรมชาติหรือบริเวณป่าไม้ใหญ่ จะเป็นที่อยู่หรือที่สิงสถิตย์ของหมู่เทพารักษ์ ท่านอยู่และให้ความชุ่มเย็น....เป็นเรื่องที่มีจริงนะหนู..”
จะศักดิ์สิทธิ์เพียงไหนอย่างไร ก็ดูเหมือนจะไม่สามารถทานกับอัตราเร่งของความเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยได้เลย ตอนนี้บริเวณข้างถนนห่างไปสิบห้าเมตรทั้งหลายที่มีเจ้าของ บ้างก็เป็นหัวไร่ปลายนา ต้นไม้อันเป็นที่อยู่ของเทพารักษ์ ผู้ให้ความชุ่มเย็นแก่โลก ได้ถูกถาง ถูกไถ ถูกเผา อย่างไม่ปราณีปราศัย เลิกแล้วต่อกัน ความชุ่มเย็น หาเงินดีกว่า ทำเช่นนี้เพื่อต้อนรับการมาเยือนของมิตรสหายหน้าใหม่ไฟแรงนาม ยางพารา
พื้นที่ที่เป็นป่าธรรมชาติติดชิดถนน ก็ไม่รู้จะทนทานต่อความเย้ายวน ของการทดลองความรู้ด้านวิศวกรรมสร้างทางผู้มีนายนาม การพัฒนา ไปได้นานเพียงไร เมื่อตอนนั้นมาถึงร่มเงาครึ้มและความชุ่มเย็นจากต้นไม้ใบไม้ ก็คงถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจ้าทว่าจัดจ้านของแสงอาทิตย์แผดเผาเป็นเปลวระยิบระยับ เป็นที่หมายเบื้องหน้า
ไม่มีความเห็น