การประชุม PMAC 2026 IOC จัดที่ สำนักงาน JICA นคร โกเบ ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๗ มีนาคม ๒๕๖๘ ผมจึงเดินทางโดยสายการบินไทย TG 622 จากสนามบินสุวรรณภูมิ ไปยังสนามบิน คันไซ ของญี่ปุ่น เครื่องบินมีกำหนดออก คืนวันที่ ๒๓ ก่อนเที่ยงคืน ๓๑ นาที กำหนดถึงสนามบินคันไซ ๗.๒๐ น. วันที่ ๒๔ ใช้เวลาบิน ๕ ๑/๒ ชั่วโมง
เป็นครั้งแรกที่ผมนั่งแท็กซี่ไฟฟ้า โชเฟอร์คุยเก่ง ผมจึงได้ความรู้เรื่องการใช้รถไฟฟ้ามาก ใช้เวลาเพียง ๔๕ นาทีก็ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ การเช็กอิน ตรวจความปลอดภัย และตรวจคนออกจากประเทศ สะดวกรวดเร็ว ไม่ต้องรอคิวเลย ตอนตรวจคนออกจากประเทศ ไม่ต้องไปยื่นพาสปอร์ตที่เคาน์เตอร์อย่างแต่ก่อน แต่ใช้วิธีสแกนพาสปอร์ต แล้วสแกนใบหน้า ก็ผ่านในเวลานาทีเดียว
ก่อน ๒๑ น. ผมก็ไปนั่งในห้องรับรองของการบินไทย ที่คนค่อนข้างแน่น ผมรี่ไปหาหนังสือพิมพ์มาอ่าน เพื่อทำความเข้าใจว่าโลกสังคมไทยเขามีอะไรกัน ในขณะที่อยู่ที่บ้านชีวิตผมตัดขาดจากโลก อ่าน นสพ. มติชนรายวัน กับประชาชาติธุรกิจ ผมรู้จักชื่อคนที่เป็นข่าวน้อยมาก เป็นคนรุ่นใหม่ทั้งทางการเมือง และธุรกิจ ที่รู้จักคือ ดร. สันติธาร เสถียรไทย ที่ให้ความเห็นเรื่อง new S-Curve น่าสนใจมาก เน้นธุรกิจด้าน wellness ที่คนไทยมีพรสวรรค์ด้านความมีน้ำใจ ผมพบว่าสายตาของผมแย่ลงไปมาก อ่านตัวหนังสือไม่ค่อยชัด
สมาชิกของการประชุมที่เป็นคนไทยเดินทางเที่ยวบินเดียวกับผมมากที่สุด คือรวม ๒๒ คน ผมได้ที่นั่ง 12B หลังสุดของชั้นธุรกิจ แถวเดียวกับ นพ. สุวิทย์ และ นพ. วิโรจน์ เขาประกาศว่าใช้เวลาบินเพียง ๔ ชั่วโมง ๔๕ นาที แสดงว่าลงส่งท้ายเครื่องแรง เพราะขากลับระบุว่าใช้เวลา ๖ ชั่วโมง ๔๕ นาที
ผมหลับตั้งแต่เครื่องยังไม่ขึ้น และเมื่อเขาปลดสัญยาณรัดเข็มขัด ผมก็นอนทันที โดยไม่กินอาหารค่ำ (ดึก) ที่นอนไม่สบายอย่างเครื่องของสายการบินการ์ต้า ที่ผมเดินทางไปเจนีวา เมื่อเดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว เกือบๆ ตีสี่เวลาไทย หรือ ๖ น. เวลาญี่ปุ่น เขาก็ปลุกมากินอาหารเช้า ที่ผมสั่งเบนโตะไว้ ปลาอร่อยมาก
บนเครื่องบินมีนิตยสารให้อ่าน ผมหยิบ Forbes Asia มาพลิกๆ ดู ติดใจเรื่อง AI Wealth Disruption ที่ชี้ให้เห็นว่า การเกิดขึ้นของ DeepSeek บอกเราว่า นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการลงทุนมากอย่างที่ผู้ประกอบการตะวันตกกล่าวอ้าง แต่เกิดจากการออกแบบอย่างชาญฉลาด (smart design) ต่างหาก ประเด็นที่สองที่บทความนี้เสนอคือ user innovation ที่ผมตีความว่า หมายถึงการเชื้อเชิญให้ผู้ใช้หรือลูกค้า เข้าร่วมเป็นผู้ร่วมสร้างสรรค์ (co-creator) บทความลงท้ายด้วยคำถามว่าใครจะกอบดกยผลประโยชน์จาก AI และตอบว่า คือคนที่ฉลาดที่สุด ไม่ใช่คนที่รวยที่สุด
เครื่องลง ๗.๑๐ น. ตามเวลาที่ประกาศเป๊ะ เนื่องจากผมขอให้คุณปุ้มทีมงาน PMAC Secretariat ช่วยลงทะเบียน Visit Japan ล่วงหน้า และมี QR Code ของการลงทะเบียน แถมยังใช้ Official Passport จึงได้รับความสะดวกมาก เข้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง แสดงท่าทางซูฮกมาก เราใช้เวลาไม่นานก็รวมพลกันเป็น ๒ กลุ่ม คือกลุ่มไปพักที่ JICA Kansai Center Kobe กับไปพักที่โรงแรม Monte Hermana ผมอยู่ทีมหลัง ไปรถตู้ ๒ คัน ใช้เวลาเดินทางบนถนน (จริงๆ คือสะพาน) ข้ามอ่าว ชั่วโมงเศษ ก็ถึงโรงแรม ก่อน ๑๐ น. แต่เขามีกำหนดให้เข้าห้องได้ ๑๕ น. เราจึงต้องหากิจกรรมทำ
ดร. อังคณา เลขะกุล พาคุณหมอสุวิทย์ กับผม ไปเที่ยวสวนสาธารณะที่เดินไปเพียง ๕๐๐ เมตร โดยใช้ Google Map นำทาง และเมื่อไปถึงก็พบสถานที่เที่ยวน่าสนใจ คือ Kobe Herb Gardens เดินต่อไปจากสวนสาธารณะไม่ไกล อยู่บนเขาบริเวณกว้างขวางสวยงามมาก ใช้วิธีขึ้นกระเช้าไฟฟ้าไปที่สถานีปลายทาง ชมสถานที่ที่ประดับดอกไม้สวยงาม และการจัดแสดงสมุนไพรให้กลิ่นหอม หรือน้ำมันหอมระเหยนานาชนิด แล้วเดินลงเขามาชมการจัดดอกไม้ที่สวยงาม ชมสวนเขตร้อนชื้นที่บริเวณเรือนกระจก และชม Statue of Mother and Child ที่เมือง Temi แห่งอิตาลีมอบให้เมืองโกเบ ในฐานะนะโกเบเป็น “เมืองแห่งความรัก”
ได้เวลาเที่ยงเศษ เรากินอาหารที่ร้าน The Veranda ส่วนที่เป็นลานโล่ง มีร่มกันแดด ลมพัดเย็นสบาย อุณหภูมิ ๑๗ องศา และนั่งพักคุยกัน จนได้เวลใกล้ ๑๔ น. จึงเดินลงเขา ชมความงดงามของสถานที่ ไปขึ้นรถกระเช้าไฟฟ้าที่สถานีกลางทางเพื่อกลับสู่สถานีด้านล่าง แล้วเดินกลับโรงแรมเวลา ๑๔.๓๐ น. และห้องเสร็จให้เข้าพักได้ ผมได้ห้อง ๓๐๕ มีหน้าต่างเล็กๆ ๑ บาน หันไปทางหน้าโรงแรม และ Ikuta Shrine วันนี้ผมเดิน ๘,๘๓๖ ก้าว โดยที่ครึ่งหนึ่งเป็นการเดินขึ้นหรือลงเขา ทั้งที่เป็นถนนและเป็นบันได (ที่มีราวเกาะอย่างดี)
ที่โรงแรมผมค้นเว็บไซต์ของ Kobe Herb Gardens อ่านประกอบการไปชมแล้วสรุปกับตนเองว่า เป็นสถานที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ ที่ชื้อ Herb Gardens ไม่ใช่สวนสมุนไพร อ่านเอกสารแนะนำสถานที่ได้ที่ (๑) และดูแคตาล็อกสินค้าได้ที่ (๒)
ขากลับ วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘
คุณปุ้ม หัวหน้าทีม PMAC secretariat จัดการให้สองหนุ่มที่พักที่ JICA Center ที่จะเดินทางกลับด้วยเที่ยวบิน TG 623 เที่ยวเดียวกับผม คือ อ. หมอบวรศม ลีระพันธ์ กับ อ. หมอภานุวิข แก้วกำจรชัย นั่งแท็กซี่จาก JICA center มารับผมที่โรงแรม Monte Hermana เพื่อไปขึ้นรถลิมูซีนไปสนามบินคันไซที่ย่าน Sannomiya ช่วยให้ผมได้เรียนรู้ประสบการณ์การไปขึ้นรถลิมูซีน ที่ในโอกาสต่อไปผมก็น่าจะช่วยตัวเองได้
ลิมูซีนออกทุกๆ ๒๐ นาที คันที่เรานั่งออก ๗.๒๐ น. ถึงสนามบินคันไซเวลา ๘.๓๕ น. ผมนั่งที่นั่งหน้าสุดจึงได้เห็นและถ่ายรูปวิวสวยๆ ไว้มาก
เคาน์เตอร์การบินไทยอยู่ที่ Zone A ผมขอที่นั่งริมหจ้าต่าง ได้ 14K การตรวจความปลอดภัย และตรวจคนออกจากเมืองเดี๋ยวนี้รวดเร็ว ราวๆ ๙ น. เราก็ไปนั่งในห้องรับรองของสายการบิน ANA ที่นั่งสบาย เครื่องดื่มดี อาหารมีจำกัด ผมได้นั่งทำงาน
เครื่องบินขึ้น ๑๑ น. ตรง บริการดีเช่นปกติ ผมได้ทั้งทำงานและนอนงีบพักผ่อน ใช้เวลาบิน ๕ ชั่วโมง ๔๐ นาที เครื่องลง ๑๕.๑๕ น. ก่อนเวลาตามกำหนด ๓๐ นาที เมื่อเครื่องลง เจ้าหน้าที่การบินไทยมากระซิบบอกให้ผมค้นข้าวในมือถือเรื่องแผ่นดินไหว สักครูกัปตันก็ประกาศเรื่องแผ่นดินไหว
การตรวจคนเข้าเมืองใช้วิธีสแกนพาสปอร์ต แล้วสแกนใบหน้าโดยเอาแว่นออก รอกระเป๋าไม่นานก็ออกมาเรียกแท็กซี่ที่ชั้น ๔ ขาออกตามที่ผมปฏิบัติมาเป็นประจำ ขึ้นแท็กซี่แล้วตรวจสอบข้อมูลว่าไปบ้านรถใช้เวลาเท่าไร คำตอบคือ ๒ ชั่วโมง จะถึงบ้านราวๆ ๑๘.๓๐ น. บนทางด่วนรถติดตลอด ตรงกับที่ Google Map บอก เพราะรถไฟฟ้าหยุดทั้งใต้ดินและบนดิน เอาเข้าจริงผมถึงบ้านเกือบ ๑๙.๓๐ น.
วิจารณ์ พานิช
๒๘ มี.ค. ๖๘