หลายวันก่อนได้อ่านบันทึก "ทำอย่างไรถึงจะรวย" คำถามสู่หายนะ จำได้ว่าเคยมีลูกศิษย์คนหนึ่งที่ผมได้สอนเคยถามคำถามทำนองนี้ "อาจารย์ครับ/คะ ทำอย่างไรถึงจะรวย" เป็นคำถามที่ผมไม่อยากตอบ เพราะเป็นคำถามที่แฝงไปด้วยกิเลส และความเป็นทาสของพระเจ้าเงินตรา และคำตอบหรือวิธีการมีได้มากมาย และสุดท้าย คำว่า "รวย" นั้น(มีค่าเท่าไร) มีเท่าไหร่ถึงจะรวยเรียกว่ารวย...1 ล้าน...10 ล้าน....100 ล้าน .....1,000 ล้าน .....10,000 ล้าน...... มันอยู่ที่ความรู้จักพอ ถ้าเรารู้จักคำว่าพอมี 1 บาทก็รวยได้แล้วครับ
เดี๋ยวนี้อะไรก็เป็นธุรกิจไปหมด แม้แต่การศึกษาก็เป็นธุรกิจไปแล้ว ธุรกิจการขาย "กระดาษแผ่นเดียว" กระดาษแผ่นนี้มันสำคัญอยู่ที่ว่า "ใครถือ" ครับ.....
อย่างผู้เลี้ยงผึ้ง สมาชิกของผมเคยพูดว่า "น้ำผึ้งขวดเดียวกัน มันอยู่ที่ใครขาย" "ถ้าอาจารย์....ขาย อย่างต่ำ 150 ถ้าผม (ผู้เลี้ยงผึ้ง) ขายก็ 100" คล้ายๆ ประโยคข้างบนครับ "ปริญญา อยู่ที่ใครถือ"
ต่อไปนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ฟัง ทันตแพทย์"หนุ่ม" เล่าให้ฟังครับ เกี่ยวกับชีวิตของหมอฟันและแนวการดำเนินชีวิตของเขา คือ เขาเล่าว่า
ผมมาเรียนทันตแพทย์ ถ้าจะเรียนเป็นผู้ชำนาญการก็ลงทุนหลักล้าน พอมาทำงานเป็นอาจารย์หมอ รับราชการสอนนิสิตทันตะ ได้เงินทุกอย่างรวมกันราว ๆ 2 หมื่นกว่าบาท (จบใหม่) ซึ่งรวมกับการทำงานในส่วนของคลินิกด้วย คือ ต้องแบ่งเวลาทำงานด้านการสอน และด้านการรักษา
การเป็นอาจารย์ดีตรงที่ว่า เราจะตามทันความรู้ใหม่ๆ (อบรม/สัมมนา/เรียนต่อ) แต่ว่าเงินเดือนอาจจะน้อยไปหน่อย แต่โอกาสแสวงหาความรู้ดีกว่า
พอวันเสาร์และวันอาทิตย์ ก็จะมาทำงานที่คลินิกหมอฟัน ในกรุงเทพฯ ออกเดินทางวันศุกร์เย็น และกลับพิษณุโลกวันอาทิตย์เย็น ที่คลินิกนี่เวลาคนไข้มารักษา 1 Case ทางคลินิกรับค่ารักษาเท่าไร เขาจะแบ่งให้เรา 50 % อย่างเช่นถอนฟัน 1 ซึ่ 400 บาท ทางคลินิกได้ 200 เราก็ได้ 200 พอครบกำหนดที่ตกลงกัน เช่น 1 เดือน เขา(คลินิก)ก็จะจ่ายเงินให้เรา เดือนหนึ่งก็รับมากกว่าทำงานราชการที่พิษณุโลก 1 เดือน
ผม (beeman) สรุปว่า อาจารย์หมอหนุ่มคนนี้ทำงานที่กรุงเทพฯ เดือนละ 8 วัน น่าจะได้ค่าตัวราว ๆ 3 หมื่นบาท รวมกับที่ทำราชการ ก็น่าจะตกราว ๆ เดือนละ 50,000 บาท แต่ถ้าเกิดตอนเรียนต้องเป็นหนี้สัก 1,000,000 บาท ผ่อนใช้เขาสักเดือนละ 25,000 บาท ก็ราว ๆ 40 งวด หรือประมาณสัก 3 ปีครึ่ง ถ้าทำงาน 3 ปีครึ่งเป็นไทแล้ว ต่อไปก็ซื้อรถซื้อบ้าน (ผมคิดเอาเองนะครับ) นี่เป็นชีวิตหนึ่งที่ผมนำมาประกอบบันทึกครับ...ไม่มีความเห็นใด ๆ (มองเป็นกลางๆ)
กลับมาสู่เรื่อง "ทำอย่างไรถึงจะรวย" ผมคิดว่าถึงรวยแล้วก็ต้องไม่มีความสุขแน่ เพราะว่า"ความรวยไม่ได้ทำให้เกิดสุข" ทางที่ดีเราควรส่งเสริมให้นิสิตเปลี่ยนคำถามใหม่ "อาจารย์ครับ/คะ ทำอย่างไรจึงจะมีความสุข"
เราต้องเปลี่ยนจากเรื่อง "รวย" มาเป็นเรื่อง "สุข" ครับ เรื่องนี้แล้วแต่มุมมอง แต่สำหรับผมแล้ว มีแนวคิดคล้ายๆ ของคุณโสภณ สุภาพงษ์ เรื่อง "กินน้อย ใช้น้อย ที่เหลือช่วยเหลือสังคม" คือถ้าเรามีพอเหลือ เราก็ช่วยเหลือสังคม ถ้ามีน้อยเราก็บริจาคเข้ามูลนิธิต่าง ๆ เช่น "มูลนิธิราชประชานุเคราะห์" หรือ "มูลนิธิชัยพัฒนา" เป็นต้น หรือมูลนิธิที่มีวัตถุประสงค์ช่วยเหลือผุ้ประสบภัยฯ เป็นต้น
นิสิตบางคนอาจจะบอกว่า "ยังหาสตางค์เองไม่ได้ จะเอาเงินที่ไหนไปบริจาค" ความจริงบริจาคไม่ต้องมากมายอะไร 1 บาท 2 บาทก็บริจาคได้ แค่ไม่ดื่มน้ำอัดลม ดื่มน้ำเปล่าแทน เราก็บริจาคได้แล้วครับ และการบริจาคไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็ได้ ช่วยคนโดยใช้แรงกายก็ได้ เช่น ช่วยงานมูลนิธิฯ เป็นต้น ซึ่งหลายวันก่อนผมยังเห็นเด็กวัยรุ่น แต่งกายคล้ายพวกเรียนรด.(รักษาดินแดน) ช่วยงานมูลนิธิเกี่ยวกับผู้ประสบอุบัติเหตุจากรถครับ
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่า "ได้ทำงาน(เรียน)ในสิ่งที่เราชอบ ไม่เบียดเบียนคนอื่น ได้ช่วยเหลือคนอื่น ได้แบ่งปันโดยการให้ (ให้ความรู้/ให้ปัจจัยฯ)" แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขตามอัตภาพแล้วครับ
คนเราต้องทำงานเก็บเงินถึงจะรวย เเต่เงินต้องใช้อย่างประหยัด ในหลวงบอกพวกเราว่าทำกินอย่างพอเพียง เเละท่านบอกว่าเขือนที่กั้นน้ำจะพังลง(ไม่รู้จังหวัดในที่ใช้รอยต่อของภูเขา)น้ำจะท่วมประเทศ
(จบ)
ขอบคุณ เด็กชาย...ที่เข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดกันครับ...
สวัสดีค่ะ
ชีวิตเปลี่ยนได้ถ้าใจไม่ยอมแพ้
เป็นหนังสือที่เช้าวันนี้ได้อ่านอีกครั้งดีมากค่ะ
ภาษาเยนอ่านเข้าใจง่ายมาก
คับผม
คนเราที่เกิดมาผมคิดว่า น่าจะเลือกไม่ได้ใช่มั้ยคับ
เพราะฉะนั้นผมคิดว่าเกิดมาแล้วควรทำน่าที่ให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะหล่อ รวย ไม่หล่อ จน
ก็คนเหมือนกาน ใช่มั้ยคับ ....อาจารย์
แต่ถ้าบอกว่าคนรวยสามารถซื้ออะรายได้ทุกอย่าง ตรงนี้ผมคิดว่า มันก็จริง
แต่มันไม่เหมาะกับฐานะที่เขาเกิดมาเลย
ผมดู สกู๊ปชิวิต แล้วผมสงสารครับ
ผมอยากให้คนไทยเท่าเทียมกันทุกอย่าง จะได้ไม่ ทุกข์ ไม่ยาก
ใช่มั้ยคับ .....อาจารย์
สุดท้ายนั้ ผมขอ ให้ อาจารย์ ที่เป็นเวป นี้ ขอให้มีความสุขคับผม
ฝันดีคับ.............
หนูว่าสองคำถามนี้คนละเรื่องกันเลย ความสุขนั้นอยู่ในใจ ส่วนความรวยนั้นอยู่ที่เงินในกระเป๋า บางคนเหมาว่าพอกระเป๋าเต็มก็มีความสุข เลยไม่ลองหาวิธีมีความสุขแบบอื่น เช่น ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่คิดถึงการตอบแทน ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ใช้เวลากับครอบครัว ไปเที่ยว ให้อาหารปลา ปลอบใจเพื่อนเมื่อยามทุกข์ สารพัดเรื่องดีๆ ที่ทำแล้วมีความสุข
สรุปแล้ววิธีหาความสุขทำง่ายกว่าวิธีรวยค่ะ
จริงหรอครับมี1บาทก็รวย
ถ้างันผมมี1บาทก็รวยแล้ว