เพลงที่ไม่เคยล้าสมัย : “Blowing in the wind”


ผู้บริหารจะต้องมีหูสักกี่หู จึงจะได้ยินเสียงร่ำไห้ของคนทุกข์ยาก
 

ตั้งแต่ผมได้เขียนบล็อกมา ผมพยายามย้ำประเด็นหนึ่งก็คือ ปัญหาของแผน นโยบาย และการบริหาร แต่พอเขียน ๆ ไป ผมก็รู้สึกว่า ไม่ค่อยมีผลกระทบอะไรมากมาย นอกจากพรรคพวก สมาชิก เข้ามาเสนอความเห็นที่สอดคล้องกัน ว่าเรามีปัญหา ว่าผู้บริหารไม่รับฟังหรือไม่แก้ไขในสิ่งที่ควรจะทำในสิ่งที่ดีกว่า แล้วยังพูดว่า เราต้องเอากระพรวนไปแขวนคอแมว เพื่อให้มีโอกาสแก้ไขปัญหาในหลายครั้งหลายครา

  

ทำให้ผมนึกถึงเพลง Blowing in the wind  ที่บอกว่า ผู้บริหารจะต้องมีหูสักกี่หู จึงจะได้ยินเสียงร่ำไห้ของคนทุกข์ยากของคนที่กำลังตกระกำลำบาก

 

ผู้สนใจสามารถรับฟังจากการเข้า Blog ของผมครับ

  

จะต้องรออีกนานเท่าใด คนเหล่านั้นจะมีตา ที่จะมองเห็นความลำบากของคนอื่นๆ

  

จะต้องรอให้คนตายอีกสักกี่คน กว่าเขาจะรู้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นไม่ถูกต้อง

  

ผมฟังแล้วรู้สึกหดหู่มาก โดยเฉพาะระบบการศึกษาของเมืองไทยที่ผมสัมผัสมาค่อนชีวิตผม มีแต่เรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม มีปัญหาสารพัด โดยเฉพาะปัญหาในระดับการบริหาร คุณภาพผู้บริหาร และแผนการศึกษาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ

  

แต่เมื่อไหร่ครับ..เราจะเริ่มคิดแก้ไขปัญหานี้ แม้แต่จะเริ่มคิดก็ยังไม่มี แล้วเมื่อไหร่เราจะได้แก้ไขปัญหากันครับ เพราะถ้าเราไม่เริ่ม เราจะแก้อย่างไร หรือเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ โดยหวังว่า ทุกอย่างเดี๋ยวก็ดีเอง

  

มันเป็นอย่างนั้นได้จริงหรือครับ

  

มีอะไรไหมครับ ที่เราไม่ต้องทำ แล้วมันก็ดีเอง นอกจากระบบธรรมชาติแล้ว ผมยังไม่เห็นสิ่งอื่นใดที่เป็นเช่นนั้น

  

สิ่งที่เราทำ เราต้องแก้ไขครับ เราจะปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างสูญหายไปกับสายลม ไม่ใช่วิธีแก้ไขปัญหาแน่นอนครับ

  

แต่เราจะทำอย่างไรครับ

ท่านผู้บริหารทั้งหลาย ช่วยบอกด้วยครับ..

 
หมายเลขบันทึก: 71762เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2007 21:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม 2012 17:25 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

The answer my friend is blowing in the wind,
the answer is blowing in the wind.

สวัสดีครับอาจารย์ ดร.แสวง

        คำตอบก็คง Blowing in the wind ต่อไปครับ เพราะระบบการศึกษาเป็นระบบใหญ่ทั้งภายใต้ระบบราชการ และระบบการเมืองที่มาควบคุมระบบราชการและระบบการศึกษาอีกทีหนึ่ง   อริสโตเติล กล่าวว่า ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดเมื่อเป็นนักการเมือง ประกอบกับวัฒนธรรมองค์กรของกระทรวงศึกษาธิการตลอดจนผู้บริหารที่ถูกหล่อหลอมอันมีความหลากหลาย  การแก้ปัญหาไม่ใช่ง่ายเลยครับ รัฐมนตรีมากี่คนก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ดังใจ  ระดับเรา ๆ ก็ทำได้เพียงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเต็มศักยภาพ และค่อย ๆ ขยายพันธมิตรผู้มีอุดมการณ์ร่วมกันต่อไปผ่านเครือข่ายการจัดการความรู้ รอวันฟ้าสีทองผ่องอำไพแค่นั้นแหละครับ

การเป็นผู้บริหารมีคนเขาบอกว่า บางครั้งเท่ห์แต่ไร้เสน่ห์    บางคนบอกว่าสวยแต่รูปจูบไม่หอม

ในฐานะที่ผมเป็นผู้บริหารการศึกษา โดยภาพรวมในวงการนี้  องุ่นเปรี้ยวมะนาวหวาน  มากเกินไป การแก้ไขที่จะนำไปสู่การพัฒนาก็เห็นตามที่ปรากฎ 

โดยส่วนตัวผมจึงใช้ยุทธศาสตร์ขยับจากเล็กไปหาใหญ่   ทำแล้วสบายใจ  ครับ 

มาเปิดบันทึก เพื่อฟังเพลงครับ...ช่างเหมาะเจาะกับรูปถ่ายท่านเจ้าของBlog เสียจริง

เท่...มากครับท่านอาจารย์

ขอบคุณมากครับที่ทำให้ท่านมีความสุขได้ครับ

มันเป็น กรรมของคนยุคนี้ครับ

เป็นกรรม ที่ต้องมาเจอ เจ้ากรรมนายเวร ที่ได้เป็นใหญ่ เป็นโต ในบ้านเมือง

 

เราก็ เอากรรมเหล่านี้  มาเป็นโจทย์สอบอารมณ์   ดูการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป  ของจิตของเรา นั่นเอง

ผมขอแถม เพลง ของ Peter Paul & Mary อีกเพลง  หนึ่ง  คือ  If I had a hammer

เป็น ฆ้อน ตีระฆํงเตือนภัยไปทั่วโลก  ว่า  ภัยกำลังจะมาแล้ว

พวกนักบริหาร เขาหูหนวก  เราก็ช่างเค้า  เรา เอาตัวเรา "บวชอยู่กับงาน" ต่อไป    เข้านิพพานดีกว่า   ขืนมาติดใจกับคนพวกนี้   จิตมันจะผูก

ขอบคุณครับท่านอรหันต์KM

ที่ให้แนวคิดครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท