๒๖๘. จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง..


   บางครั้งก็เคยคิดว่า ครอบครัวศิลปินอย่างผม ที่ทุกคนชื่นชอบทางด้านดนตรี มีจิตใจอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า หรือมุ่งมั่นจนเกินพอดี ทำให้ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนต้องดูแลซึ่งกันและกัน

จงเฉลียวฉลาดจากความผิดหวัง..

          ค่ำคืนวันครู ผมไม่ได้ไปไหน นั่งเขียนบันทึกด้วยความคิดถึงลูกทุกคน ทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ ต่างคนต่างแยกย้ายไปร่วมสังสรรค์ งานวันครูในภาคกลางคืน

          ลูกชายคนเล็กเป็นห่วงมากหน่อย เพราะเหน็ดเหนื่อยจากการแสดงโขนแล้ว ยังต้องลงสนามเพื่อแข่งขันฟุตบอลประเพณี เชื่อมความสามัคคีกันระหว่างครูภายในอำเภอ

          วันนี้ เห็นลูกมีความสุขและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ผมก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย

          แต่กว่าจะมีวันนี้ ลูกชายผ่านความทุกข์ระทมขมขื่นมาพอสมควร ผมต้องปลอบโยนและให้กำลังใจมาโดยตลอด

          บางครั้งก็เคยคิดว่า ครอบครัวศิลปินอย่างผม ที่ทุกคนชื่นชอบทางด้านดนตรี มีจิตใจอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า หรือมุ่งมั่นจนเกินพอดี ทำให้ผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า จนต้องดูแลซึ่งกันและกัน

          ผมตามใจลูกคนเล็ก อยากเรียนโขน(ลิง)ก็เรียนเลย เขาต้องการเรียนสถาบันเดียวกันกับพี่ชาย ซึ่งเรียนสาขาดนตรีไทย ตอนแรกก็ทำท่าจะไปได้สวยงาม แต่ตอนหลังซ้อมหนักและเริ่มจะท้อถอย

          โดยเฉพาะช่วง ม.๕ - ม.๖ เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้ แต่กลับไม่มีความสุขในการศึกษาเล่าเรียน

          สอบถามได้ความว่า..ตั้งใจซ้อมโขนทุกวัน รำได้ทุกท่า ตีลังกาได้ทุกแบบ แต่เวลาแสดงจริง ครูไม่เคยให้เล่นเป็นตัวหนุมาน เป็นได้แค่ทหาร(ลิง) ที่นั่งยุกยิกอยู่ปลายแถว

          ก่อนเข้าเรียน ป.ตรี ก็มีความหวังกับการแสดงโขนพระราชทาน เข้าไปออดิชั่นกับเขา ดาราและศิลปินที่เป็นกรรมการลงความเห็นว่า..เล่นดีทุกอย่าง..แต่ตัวเล็กไปหน่อยก็เลยไม่ผ่านรอบคัดเลือก

          พอลูกกลับบ้าน มีสีหน้าซึมเศร้า ผมรู้สึกขบขันในใจ แต่ไม่แสดงออก มันจะอะไรกันนักกันหนาลูกเอ๋ย อายุก็ยังน้อยค่อยๆฝึกฝน และหาประสบการณ์ เดี๋ยวก็มีช่องทางและค้นพบตัวเองสักวัน

          วันนั้น ก็เลยเล่าชีวิตของผมให้เขาฟัง ว่าพ่อเองเป็นผู้บริหารในปีแรกๆ เจ้านายและเพื่อนผู้บริหารก็ไม่มีใครยอมรับในตัวพ่อหรอกนะ ทั้งที่พ่อผ่านการสอบของเมืองกาญจน์ในทุกตำแหน่ง รวม ๔ ครั้ง ได้ที่ ๑ ทุกครั้ง ศึกษานิเทศก์ก็เคยเป็นมาแล้ว 

          แต่พ่อไม่เคยเสียความรู้สึก ไม่เคยนึกซังกะตาย ใช้ยุทธวิธีตีหัวเข้าบ้าน ทำงานลูกเดียว ใครใช้ไหว้วานก็ทำ ใครไม่ให้ความสำคัญก็ช่างเขา ไม่เคยแคร์ใครเลย มั่นใจในตัวเองและพึ่งตนเองตลอด

          ผมจึงสอนลูกให้ฉลาดในวิธีคิด อย่าด่วนผิดหวังกับอะไรง่ายๆ ยิ่งในช่วงที่เขาเรียนป.ตรีวิชาชีพครู ผมต้องย้ำเสมอ ให้มีสติ การเรียนให้รู้เป็นครูเขา ต้องหมั่นฝึกปรือและมุ่งมั่นทุ่มเท ลืมเรื่องเก่าๆซะ

          ลูกชายเริ่มมีสมาธิและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ครูบาอาจารย์ก็ยกย่องชมเชย มอบหมายให้เป็นผู้แสดงแถวหน้า ได้เป็นนายกสโมสรนักศึกษา ทำกิจกรรมจนแทบจะไม่มีเวลาดูหนังสือสอบบรรจุครู

          ผมต้องคอยตักเตือนและถามว่า...มีความหวังใช่ไหมล่ะ กับการสอบเข้ารับราชการครู

          พอลูกชายยอมรับ..ผมก็บอกว่า..รสชาติของความผิดหวังมันเจ็บนะ เคยมีบทเรียนมาแล้วมิใช่หรือ? ลูกชายคนเล็กจึงดูหนังสือหนักมาก จนสอบได้ที่ ๑ และเป็นครูมาได้เกือบ ๖ เดือน

          ดึกมากแล้ว...งานวันครูครั้งแรกของลูกชายก็คงจะปิดฉากลง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลูกชายโทรมาบอกว่า..”พ่อครับ ผมจับฉลากได้ตู้เย็น...” ผมรับทราบและบอกว่า “ขับรถกลับบ้านดีๆล่ะ”

          วันครูปีนี้..ผมที่ไม่ได้คาดหวังในตัวลูกชาย จึงไม่รู้สึกผิดหวังในตัวลูกชายคนนี้เลย.... 

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๗  มกราคม  ๒๕๖๗

          

          

          

           

          

หมายเลขบันทึก: 717075เขียนเมื่อ 17 มกราคม 2024 21:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2024 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท