บทที่ ๕ เรียนเชิงรุกบูรณาการวิชา
เป็นการเรียนแบบที่นักเรียนอำนวยการเรียนรู้ด้วยตนเองประมาณร้อยละ ๘๐ ครูช่วยโค้ช หรือให้ scaffolding เพียงประมาณร้อยละ ๒๐ และเน้นที่การเรียนเพื่อกระชับหรือสร้างความแน่นแฟ้นของวงจรเรียนรู้แบบไม่รู้ตัวของสมอง (procedural learning mode) เพื่อสร้างความจำระยะยาวที่แน่นแฟ้น สามารถดึงความรู้นั้นออกมาใช้ได้อย่างอัตโนมัติโดยแทบไม่ต้องคิด หรือตอบสนองได้เร็วกว่าความคิด รวมทั้งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในสถานการณ์ที่ไม่คุ้นเคย ที่เรียกว่าเป็นการเรียนรู้ระดับเชื่อมโยง (transfer learning) ดังที่อธิบายรายละเอียดไว้ในหนังสือ ครูเพื่อศิษย์ สร้างความรู้สู่ระดับเชื่อมโยง
ที่จริงครูไทยจำนวนหนึ่งคุ้นเคยกับวิธีจัดการให้ศิษย์เรียนรู้แบบนี้อยู่แล้ว ในชื่อ problem-based learning (PBL), project-based learning (PBL), research-based learning (RBL), inquiry-based learning เป็นต้น
การเรียนรู้แบบนี้ นิยมให้นักเรียนทำเป็นทีม ทีมละ ๓ - ๔ คน แบ่งงานกันทำ และได้ปรึกษาหารือกัน ได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะความร่วมมือ
อาจเป็นกิจกรรมสั้นๆ ภายในครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง ทำโจทย์ที่ครูกำหนดให้ หรือเป็นกิจกรรมระยะยาวเป็นเทอม เป็นปี หรือข้ามปี ซึ่งในกรณีของโครงการระยะยาวครูควรจัดกระบวนการให้นักเรียนร่วมกันตั้งโจทย์เอง เพื่อให้เป็นไปตามหลักการให้นักเรียนอำนวยการเรียนรู้ของตนเอง หรือนักเรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ของตนเอง ให้มากที่สุด
ซึ่งหมายความว่า ครูต้องเรียนรู้และพัฒนาทักษะการออกแบบการเรียนรู้ ที่มีกระบวนการนำสู่สภาพที่นักเรียนออกแบบการเรียนรู้ของตนเอง กำหนดเป้าหมายของการเรียนรู้ กำหนดโครงการ เกณฑ์บรรลุเป้าหมายของโครงการ และเกณฑ์บรรลุเป้าหมายของการเรียนรู้จากการทำโครงการ กำหนดวิธีทำงานเพื่อบรรลุเป้าหมายของโครงการ
ครูทำหน้าที่ scaffolding ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ระดับลึกและเชื่อมโยงจากประสบการณ์ ตามแนวทางของ Kolb’s Experiential Learning Cycle (ดูกรอบ ๑.๑) และตามแนวทาง Double-loop learning
วิจารณ์ พานิช
๓๐ เม.ย. ๖๖
ไม่มีความเห็น