สังขละบุรี สุดชายแดนตะวันตก (4) ล่องเรือในแม่น้ำซองกาเลีย ชมวัดใต้น้ำ Unseen Thailand


สังขละบุรี สุดชายแดนตะสันตก (4) ล่องเรือในแม่น้ำซองกาเลีย ชมวัดใต้น้ำ Unseen Thailand

คณะของเราแวะรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารบริเวณสถานีน้ำตก หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนรถจากรถบัสเป็นรถตู้เพื่อความสะดวกในการเดินทางแล้วจึงเริ่มออกเดินทางไกล 154 .4 กิโลเมตร ไปยังอำเภอสังขละบุรี ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทาง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที  เมื่อมาถึงที่พักคือสามประสบรีสอร์ทเป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็น ต้องรีบเก็บสัมภาระเข้าที่พัก แล้วเดินจากที่พักไปที่บริเวณท่าเรือใกล้สะพานมอญเพื่อลงเรือหางยาวไปชมวัดใต้น้ำและธรรมชาติยามเย็นของแม่น้ำซองกาเลีย

ซองกาเลีย เป็นคำภาษามอญ มีความหมายว่า ฝั่งโน้น แม่น้ำซองกาเลีย หรือ ห้วยซองกาเลีย เป็นลำน้ำสายหนึ่งในจัดกาญจนบุรี ไหลคดเคี้ยวผ่านชุมชนและหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงหลายแห่ง ซองกาเลียเป็นแม่น้ำที่แบ่งตัวอำเภอสังขละบุรีออกเป็นสองฝั่งก่อนไหลไปรวมกับลำน้ำอีก 2 สาย คือ แม่น้ำรันตีและแม่น้ำบีคลี่ใหญ่ กลายเป็นแม่น้ำแควน้อย ในบริเวณที่เรียกว่า สามสบ หรือ สามประสบ ใกล้กับสะพานมอญ หรือ สะพานอุตตมานุสรณ์ และวัดวังก์วิเวการาม

วัดใต้น้ำ หรือ วัดจมน้ำ หรือ เมืองบาดาล เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี และยังถือเป็น Unseen Thailand อีกด้วย จึงทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือในเวลาเช้าหรือเวลาเย็นเพื่อไปชมโบราณสถานที่จมอยู่ใต้น้ำ

เมืองสังขละบุรีเดิมตั้งอยู่บนพื้นราบ เมื่อมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม หรือ เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทำให้น้ำท่วมหมู่บ้านและวัดให้จมอยู่ใต้น้ำ ชาวบ้านต้องอพยพขึ้นมาอยู่ด้านบน ทิ้งเมืองสังขละเก่าให้จมอยู่ใต้น้ำนานถึง 20 ปี ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ "วัดใต้น้ำ " หรือ " เมืองบาดาล " โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือชมได้ทั้ง 3 วัดที่บริเวณสะพานมอญ ช่วงหน้าแล้งประมาณเดือนมีนาคม - เมษายนจะสามารถเดินไปชมโบสถ์เก่าได้ ในช่วงปลายฝนต้นหนาวตั้งแต่เดือนตุลาคม - มกราคม อาจจะได้เห็นแค่บางส่วนของตัวโบสถ์ที่โผล่พ้นน้ำ สามารถนั่งเรือไปชมวัดได้

วัดจมน้ำ หรือ วัดวังก์วิเวการามหลังเก่า เป็นวัดของชาวมอญที่หลวงพ่ออุตตมะร่วมกับชาวบ้านอพยพชาวกะเหรี่ยงและชาวมอญ ได้ร่วมกันสร้างขึ้นตามแบบศิลปะพม่า ในปี พ.ศ.2496 ปัจจุบันจมอยู่ใต้น้ำเนื่องจากการสร้างเขื่อนเขาแหลม ซากโบราณสถานที่ยังหลงเหลืออยู่ เช่น อาคารบ้านเรือน โรงเรียน หอระฆัง วิหาร ซุ้มกำแพง และตัวโบสถ์ที่มีเพียงผนังที่มีลวดลายศิลปะแบบมอญหลงเหลือให้เห็นเพียงบางส่วน

(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)

(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)

วัดสมเด็จเก่า อยู่ตรงข้ามเมืองบาดาล เป็นวัดไทยที่ไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ แต่เป็นวัดที่ถูกทิ้งร้างเมื่อครั้งย้ายอำเภอสังขละบุรีตอนที่สร้างเขื่อนเขาแหลม วัดตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆที่มีต้นไม้ปกคลุม ต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 90 เมตร ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธชินราชองค์ที่17 ที่มีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ แม้ว่าวัดจะไม่ถูกน้ำท่วม แต่ไม่ค่อยมีคนมาทำบุญเนื่องจากความยากลำบากในการเดินทาง วัดจึงย้ายไปสร้างใหม่ที่บ้านไหล่น้ำ ตำบลหนองลู อำเภอสังขละบุรี

(ภาพจากอินเทอร์เน็ต)

วัดศรีสุวรรณเก่า เป็นวัดของชาวกะเหรี่ยงที่มีอายุมากที่สุดใน 3 วัดที่จมอยู่ใต้น้ำ และเป็นวัดที่จมอยู่ใต้น้ำลึกมากที่สุด เมื่อเวลาน้ำขึ้นเหลือเพียงบางส่วนที่โผล่พ้นน้ำให้ เห็น แต่ในช่วงหน้าแล้งสามารถลงไปเดินได้ น่าเสียดายมากที่ไม่มีโอกาสได้ชมวัดศรีสุวรรณ ทั้งนี้เนื่องจากมืดค่ำเสียก่อน เรือจึงพากลับมาส่งที่ท่าเรือสะพานมอญ

ห้องอาหารของสามประสบรีสอร์ทได้จัดเตรียมอาหารเย็นไว้พร้อมสรรพ เป็นอาหารไทยรสเลิศ ได้แก่ ต้มยำปลาคัง พะแนงหมู ยำผักกูดกุ้งสด หลนกุ้งสด ไข่เจียว ผักกูดผัดน้ำมันหอย และผลไม้รวม ซึ่งต้องรีบรับประทานกันสักหน่อยเพราะจะต้องไปเดินชม ชิม ช็อป กันที่ถนนคนเดินสังขละบุรีก่อนที่ตลาดจะวายเสียก่อน

ถนนคนเดินสังขละบุรีมีเฉพาะช่วงเย็นไปจน 2-3 ทุ่ม จัดบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอสังขละบุรี เฉพาะในวันหยุดและวันเสาร์อาทิตย์จะมีการแสดงดนตรีของนักเรียนให้ชมกันด้วย ที่นี่เป็นแหล่งรวมสินค้าทุกประเภท เสื้อผ้า ของที่ระลึก ของใช้ และอาหารการกินหลากหลายชนิด แต่ที่พลาดไม่ได้ต้องลองสักครั้งก็คือ "หมูจิ้มจุ่ม" มีขายเรียงรายกันหลายร้าน ร้านที่อร่อยเด็ดสุดคือร้านที่คนไปนั่งกินกันเต็มร้าน หมูจิ้มจุ่มเป็นอาหารแบบพม่า นำหมูส่วนต่างๆ มี เนื้อหมู หัวหมู เครื่องในหมู หั่นเป็นชิ้นเล็กๆเสียบไม้จุ่มไว้ในหม้อน้ำซุปที่มีลักษณะคล้ายน้ำพะโล้ เวลารับประทานจะจิ้มกับน้ำจิ้มที่ทำจากน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมกับซอสพริก รับประทานแล้วก็เอาไม้ที่เสียบกองรวมกันไว้ให้แม่ค้าคิดเงิน ซึ่งราคาไม้ละ 1 บาทเท่านั้น 
ของดีของเด็ดที่ต้องลองอีกอย่างก็คือ "ไอศกรีมลำไผ่สังขละบุรี" เป็นไอศกรีมนมปั่นใส่ในกระบอกไม้ไผ่ที่ทำให้ได้กลิ่นหอมอ่อนๆของไม้ไผ่ไปด้วย

ถนนคนเดินสังขละบุรีเป็นแหล่งรวมของฝาก ของที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุด มีสินค้าให้เลือกซื้อหลากหลาย เป็นแหล่งที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเดินเล่น ชม ชิม ช็อป กันอย่างเพลิดเพลินและได้ของถูกใจติดมือกลับไป

ขอขอบคุณ

  • ภาพจากอินเทอร์เน็ตที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
  • หน่อยทัวร์ท่องเที่ยวและทีมงานให้บริการอย่างดีตลอดการเดินทาง

 

หมายเลขบันทึก: 711300เขียนเมื่อ 16 มกราคม 2023 22:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 16 มกราคม 2023 23:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท