ผมมองสถานการณ์การกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา และระบบการจัดการสถาบันอุดมศึกษาไทยในปัจจุบันด้วยความหวัง เพราะเห็นสัญญาณการปรับตัวเชิงระบบสูงมาก โดยผมมองว่า เป็นการปรับตัวเพื่อทำหน้าที่หนุนให้ประเทศขึ้นจากหล่ม หรือกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๖๕๖ ผมเข้าประชุมคณะกรรมการนโยบายยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มีการนำเรื่อง แพล็ตฟอร์มการปฏิบัติงาน PSUX เข้าหารือ รวมทั้งมีวาระแผนยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ พ.ศ. ๒๕๖๖ – ๒๕๗๐ เข้าขอความเห็นด้วย เป็นโอกาสเหมาะในการคิดยุทธศาสตร์เชิงรุก หรือก้าวหน้ามากหน่อย เพราะท่านอธิการบดี ผศ. ดร. นิวัติ แก้วประดับ ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งวาระที่ ๒ แล้ว
ผมมีความเห็นว่า ในทั้งสองวาระ มอ. ควรสวมวิญญาณมุ่งมั่นทำงานเพื่อสร้าง impact ให้แก่ประเทศ ตามค่านิยม Magna Charta Universitatum 2020 ว่า อุดมศึกษาต้องทำเพื่อตอบสนองและแสดงความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองในการสร้าง สุขภาวะ ความรุ่งเรือง และความประเทืองปัญญา เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ และของโลก มากกว่าทำเพื่อตนเอง
ถามว่า ทำอย่างไร
ผมตอบว่า ต้องหาทางทำแบบฉีกแนวจากแนวทางเดิมๆ ที่พิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้ผล PSUX คือ governance platform และ management platform เพื่อหลุดออกจากความแข็งทื่อตายตัวของกฎระเบียบ คือมีกลไกให้ข้อยกเว้นต่อการปฏิบัติตามกฎระเบียบ เพื่อให้ทำงานเชิงนวัตกรรมได้ มีกลไกกำกับเฉพาะเรื่อง ที่ให้อิสระทีมบิหารเฉพาะเรื่องสูง โดยมีกลไกติดตามประเมินผล ที่ผมขอเสนอว่า ให้ใช้วิธีการ DE – Developmental Evaluation หมุนวงจรเรียนรู้ในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
วิจารณ์ พานิช
๒๐ ก.ย. ๖๕