หากเราศึกษาความงามจากศิลปะไม่ว่าสกุลศิลป์หรือลัทธิทางศิลปะโดยเฉพาะศิลปะสมัยใหม่แล้ว เราจะเห็นว่ากระแสของโลกแห่งทุนนิยม เอารัดเอาเปรียบหรือมักกดขี่กับผู้สร้างสรรค์งานศิลปะ(ศิลปิน)มาก
ภาพจิตรกรรมแห่งความงามของศิลปินแนว Impressionism ไม่ว่าจะเป็น โมเนต์ มาเนต์ เรอนัวร์ โกแกง แวนโก๊ะ เซซาน ตูลูส-โลเทรค และอีกหลายคนที่ร่วมสุมหัวพูดคุยแล้วกลั่นกรองผลิตงานของตนเองมาเพื่อสนองความอยากของตนเองและแนวทางของกลุ่ม
ชีวิตของศิลปินเหล่านี้ เมื่อครั้งมีชีวิตอยู่ ถูกสังคมตราหน้าและเย้ยหยันดูหมิ่นอย่างด้อยค่า ภาพส่วนใหญ่มองและถูกตีค่าอย่างด้อยราคา ศิลปินเขียนภาพที่มีทั้งที่ตั้งใจเอาไปขายแต่ขายไม่ได้ ไม่ยอมขาย หรือมีแม้กระทั่งมีคนมาขอแล้วให้ไปฟรี ๆ หรือหลายภาพทิ้งอยู่ในห้องร้างห้องทำงานที่เดียวดายของศิลปินเอง
หลายคนจบชีวิตด้วยความรันทดขมขื่น แวนโก๊ะต้องฆ่าตัวตายเมื่ออายุ ๓๖ ปี ในขณะที่ตลอดชีวิตขายภาพที่เขาเขียนเพียง ๒ ภาพให้น้องชายตัวเอง และเขาไม่มีโอกาสรู้เลยว่าภาพของเขาต่อมา ถูกคนในโลกของทุนนิยมตั้งราคาและซื้อไปถึง ๘๒.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอีกหลายภาพของศิลปินอีกหลายคนที่ประมูลขายและซื้อกันด้วยราคาแพงแสนแพง
โลกแห่งทุนนิยมจึงมักกดขี่เอารัดเอาเปรียบกับคนที่อ่อนด้อยหรือมองไม่เห็นหัวคนยากคนจนอย่างจริงจังสักเท่าไรนัก
ฉาบฉวย หาจังหวะ ปรุงแต่ง ปั่นเงินปั่นราคา...
เห็นได้ชัดจากกรณีของการ ประมูลซื้อภาพของจิตรกร(อย่างบ้าคลั่ง) ไม่ได้ให้ความเป็นธรรมอะไรเลยกับศิลปินผู้อาภัพ และมีชื่อก้องโลก(เมื่อตายแล้ว)
แล้วเราจะแน่ใจอย่างไรว่า เขาจะซึมซับเอาความงามจากภาพราคาแพงแสนแพงอย่างซาบซึ้ง อย่างเข้าใจสุนทรียภาพของภาพเหล่านั้น
ไม่มีความเห็น