ตามไปดู KM บุรีรัมย์ที่ฐานการเรียนรู้ บ้านตะแบง


เพราะคิดว่าน่า จะนำผักตบชวามาทำประโยชน์ได้มากกว่าที่จะมีผลเสียตามที่เพื่อนบ้านบอกเล่ากันมา เช่นทำปุ๋ยพืชสดได้ หรืออย่างน้อยอยู่ในบ่อก็ช่วยบำบัดน้ำให้ใสได้
ตอน : ปุ๋ยผักตบ
                ในบ่อน้ำที่พ่อสำเริงเก็บกักน้ำไว้นั้น ได้นำผักตบชวามาเลี้ยงไว้ในบ่อ ซึ่งชาวบ้านทั่วไปไม่นิยมให้มีผักตบชวาในบ่อน้ำของตนเอง เนื่องจากคิดว่าผักตบชวาขยายพันธุ์เร็วมากจะแน่นบ่อทำให้บ่อตื้นเขินเร็ว และผักตบชวาไม่มีประโยชน์ เป็นวัชพืชที่กำจัดได้ยาก  แต่พ่อสำเริงมีแนวคิดในการจัดการผักตบชวาที่ไม่เหมือนเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ เพราะคิดว่าน่า จะนำผักตบชวามาทำประโยชน์ได้มากกว่าที่จะมีผลเสียตามที่เพื่อนบ้านบอกเล่ากันมา  เช่นทำปุ๋ยพืชสดได้ หรืออย่างน้อยอยู่ในบ่อก็ช่วยบำบัดน้ำให้ใสได้ จึงได้ทดลองทำตามที่คิด

               พ่อสำเริงเล่าว่าจะปล่อยให้ผักตบชวาเติบโตและขยายพันธุ์เต็มที่ในช่วงฤดูทำนา แต่พอฤดูเก็บเกี่ยวเสร็จแล้วซึ่งก็จะหมดฝนไปด้วย จึงจะเก็บและโกยผักตบชวาขึ้นจากบ่อ (เหลือไว้ในบ่อพอให้ขยายพันธุ์ในฤดูต่อไปได้) เนื่องจากผักตบชวาดูดน้ำมากจะทำให้น้ำในบ่อแห้งเร็วจึงต้องรีบนำขึ้นจากบ่อเพื่อนำไปคลุมดิน และคลุมตามโคนต้นไม้ที่ปลูกไว้ ไม่ให้หน้าดินแห้งรองรับความแห้งแล้งในฤดูร้อนที่จะตามมา
              ผักตบชวาจะแห้งและย่อยสลายกลายไปเป็นปุ๋ยถึงแม้ว่าจะย่อยสลายยากเนื่องจากก้านของผักตบชวามีความเหนียวมากกว่าพืชชนิดอื่น ๆ กลายเป็นผลดีด้วยซ้ำไปที่ทำให้คลุมหน้าดินไม่ให้แห้งได้นาน จนถึงฤดูการทำนาอีกในรอบปีต่อไป  

             
จากการทดลองทำผลปรากฏว่า
ต้นไม้ที่ปลูกไม่ยืนแห้งตายในฤดูร้อนและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และส่งผลเห็นได้ชัดเจน เช่น ต้นยางนาโตเร็ว มะไฟให้ลูกเร็วปลูกปีเดียวสามารถออกลูกเต็มต้น มะพร้าวน้ำหอม ให้ลูกเร็วและดก เช่นกัน

              ดินที่เป็นพื้นที่ราบในแปลงปลูกไม้ชนิดต่าง ๆ นั้นเป็นดินที่ขุดจากบ่อขึ้นมาถมให้สูงเพื่อน้ำ้จะได้ไม่ท่วม
เดิมเป็นสีเหลืองเวลาโดนน้ำในฤดูฝนจะเป็นโคลนเหนียวเวลาแห้งในฤดูร้อนจะแข็งเป็นดินดาน ไม่อุ้มน้ำ ปลูกพืชผักสวนครัวไม่ดี แต่หลังจากที่นำผักตบชวามาคลุมหน้าดินและมีการย่อยสลายแล้ว ทำให้หน้าดินดีขึ้น ดินเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำ มีความชื้น และร่วนซุยมากขึ้น ทำให้ปลูกผักได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น

              จากการลองผิดลองถูกของพ่อสำเริงทำให้เกิดความรู้เพี่อสร้างงานเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น เกิดเป็นความภาคภูมิใจ มั่นใจและมีพลังในการส้างงานสานฝันที่ก่อให้เกิดความพอเพียงต่อได้อีก  เป็นการต่อยอดความรู้ขึ้นไปอีกระดับหนึ่งนั่นเอง แม่บ้านของพ่อสำเริงเล่าบอกว่าถ้าผักตบมีก้านยาว เราสามารถตัดนำมาตากแดดให้แห้งแล้วทำเครื่องสานต่าง ๆ ไว้ใช้สอยในครัวเรือนได้อีกหรือถ้ามีมากก็ขายเป็นรายได้ เช่น รองเท้าแตะจากผักตบชวา ตะกร้า  กล่องกระดาษทิชชู ดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นต้น
หมายเลขบันทึก: 70510เขียนเมื่อ 1 มกราคม 2007 23:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ดีครับ เริ่มเห็นดินติดเท้ามานิดหน่อยแล้ว

ไปทีหนึ่ง คงจะติดมาหลายเม็ดนะครับ

เม็ดหนึ่งก็ได้เรื่องหนึ่ง

เวลาไม่มีขายนะครับ

ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ

           จะพยามเดินให้เร็วขึ้นอย่างที่อาจารย์แนะนำนะคะ แต่พอดีติดโคลนค่ะ (ล้อเล่นค่ะ)

            ขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท