mam
นางสาว วิไลวรรณ พวงหิรัญ

บันทึกการเดินทาง 27/12 - 1/2550


การท่องเที่ยวส่งท้ายปี
เช้าริมแม่น้ำแม่สาย

วันนี้ เป็นเช้าวันปีใหม่ ที่ไม่ค่อยสดใส และมีความสุขเหมือนทุกปี มีอะไรมากมายให้คิด ไหนเลยจะเรื่อง เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นใน กทม.และปริมณฑล เดินทางกลับจากเชียงใหม่ ช่วงอยู่ในเขตลำปาง ได้รับโทรศัพท์จากบิดา  ว่าเกิดเหตุระเบิดที่ กทมหลายจุดและปริมณฑลไม่ไกลจากย่านที่พักอาศัยนัก รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในชีวิต เอาเสียเลย ไม่รู้ว่าจะโชคร้ายมาถึงเราบ้างหรือเปล่า

ช่วงระหว่างปลายปี มีโอกาสได้ลาพักร้อนหลายวัน ออกเดินทางจาก กทม. สู่จังหวัดเชียงรายโดยรถยนต์ ดิฉันและน้องสาวรวมทั้งแฟนของน้องสาว พร้อมสัมภาระที่เต็มไปด้วยเสื้อกันหนาว อัดแน่นเต็มกระเป๋า เพราะจากการฟังข่าว ได้ข่าวว่าทางเหนือ หนาวจัด โดยเฉพาะบนยอดดอย   วันที่27 ธันวา ช่วงหัวค่ำ ก่อนการเดินทางดิฉันกับน้องสาวเดินทางไปบ้านแฟนน้องสาวเพื่อสบทบกับเขาที่ย่านราม 2 มีเรื่องขบขันเกิดขึ้น คือเราโบกแทกซี่จาก ตลาดประชานิเวศน์ 3 โดยแจ้งความประสงค์ไปกับคนขับแทกซี่ว่าเราจะไปแถวโลตัส ราม2 โดยให้ขึ้นทางด่วน ระหว่างทางเราก็มองข้างทางไป สักพัก เราก็มองป้ายบนทางด่วนไปพลางๆ จนแทกซี่พาเราเลี้ยวไปขึ้นสะพานพระราม 9 เราก็สงสัย ว่า ทำไมไปทางนี้เหรอคะ เขาก็บอกว่าไปทางนี้ใกล้กว่าถ้ารถไม่ติด เราก็งง ๆ แต่ด้วยไม่รู้เส้นทางเท่าไหร่ ก็ยังบอกเขาว่า ปกติเราจะลงทางด่วนตรงบางนา เขาก็ขับๆต่อไป เราก็มองป้ายบนทางด่วนอีก เห็นป้ายเขียนว่า ไปสมุทรสาคร เราก็สงสัย ถามคนรถอีก ว่าเส้นนี้ไปสมุทรสาครได้ด้วยเหรอคะ เขาก็บอกว่า ไปได้ครับ เราก็เงียบไป แต่จนลงทางด่วน ความสงสัยเราก็เพิ่มเป็นทวีคุณ เพราะตาเหลือบไปเห็น ป้ายว่าแถวนั้นคือย่าน ท่าข้าม พระราม 2  จึงรีบทักคนขับว่า ทำไมแถวนี้มันเป็นท่าข้าม พระราม 2 ละพี่  พี่แทกซี่เขาก็บอกว่า อ้าว ก็บอกว่าจะไปพระราม 2 ไม่ใช่เหรอครับ  คราวนี้เราก็เลยรู้ว่า เขาฟังผิด  จาก ราม2 เป็นพระราม 2  เอาไงละคราวนี้ เส้นทางอยู่คนละซีก และแล้วเราก็ให้เขาวกไปส่งเราที่ราม 2 เสียเวลาไปอีกพักใหญ่  ราม 2 นี่ก็ไกลเหลือเกิน  สุดท้ายก็ไปถึงที่หมายในเวลา 21.00 น. หมดค่าแทกซี่ไป 300 บาท แทกซี่ก็ไม่ได้เอาเปรียบ ให้เราจ่ายตามที่เราเคยมา เราก็สงสงสารแทกซี่ เขาก็เสียเวลาเหมือนเรา เราก็เลยให้ไป 300 ทั้งที่หน้าไมล์  ขึ้น 380บาท กว่าจะได้เดินทางก็ทุลักทุเลแล้ว

เราออกเดินทางจากกทม ตอนเที่ยงคืน  ขับไปเรื่อยๆออกทางวงแหวนรอบนอกไปทางถนนเลี่ยงเมือง รถไม่ติดเลย อาจเป็นเพราะว่าเราไปก่อนวันที่ทุกคนจะเริ่มหยุดเทศกาล  อากาศเย็นลงเรื่อยๆ หลังจากออกนอกเขต กทม. และไปหนาวมาก ตรงช่วงจังหวัดตาก เราไปจอดรถนอนไม่ไกลจากเขื่อนภูมิพลนัก  เพื่อรอเวลาเข้าชมเขื่อนช่วงเช้า หลังจากนั้นก็ขับรถไปสักการะพระธาตุ ลำปางหลวง พระธาตุจอมปิง และจุดมุ่งหมายสุกท้ายของวัน คือ ภูชี้ฟ้า ที่เราจองที่พักไว้แล้ว  ประทับใจมากแม้ทางจะคดเคี้ยวจน ปวดหัว เวียนหัวไปหลายยก แต่ก็พบกับธรรมชาติที่งดงาม  ที่พักดี อาหารอร่อย  อากาศบนภูชี้ฟ้าประมาณ 8-10 องศา ไม่หนาวจัดอย่างที่คิด

วันที่2 ของการเดินทาง  เราลงจากภูชี้ฟ้า เดินทางไปสามเหลี่ยมทองคำ เชียงของ และเข้าแม่สาย ข้ามแดนไปฝั่งพม่า และมาซื้อของฝากกันที่ตลาดแม่สาย ที่นี่เองได้ละลายทรัพย์เราทั้งคณะ ด้วยการซื้อของฝาก หอบกันพะลุงพะลัง จนแน่นขนัดเต็มรถยนต์ที่เราเดินทาง ที่พักของเรา คือ แม่สายเกสเฮ้าส์ ริมแม่น้ำแม่สาย ฝั่งตรงข้ามที่พักเราเป้นฝั่งพม่า แม่น้ำแม่สายสายเล็กๆ นิดเดียวมองพม่าชัดเจนมากห่างกันไม่กี่เมตรมีแม่น้ำแม่สายคั่นกลางเท่านั้นเอง ที่นี่เอง อากาศเย็นยะเยือกเลยเทียว

 วันที่ 3 จากแม่สาย เราเดินทางไปดอยตุง ชมพระราชตำหนักดอยตุง  และถ่ายรปกับดอกไม้สวยๆและไปไหว้พระธาตุดอยคำหลวง และเดินทางต่อไปยังวัดร่องขุ่น และบ่อน้ำร้อนธรรมชาติ

 

 

ดอยตุงวัดร่องขุ่น
บ่อน้ำร้อนธรรมชาติ

หลังจากนั้นเราก็เดินทางกลับเข้าเชียงใหม่ เพื่อเข้าที่พัก ที่เราจองไว้แถวแม่โจ้ เย็นวันนั้นเรา ขับรถวนเวียนอยู่ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ ไม่รู้ทาง เราถามทางไปตลอดทาง หลงแล้วหลงอีก เพื่อค้นหาร้านอาหารที่ได้ยินว่าอร่อยๆทาน  สุดท้ายเราก็ยกเลิกโปรแกรมไปร้านที่เพื่อนๆแนะนำ  พร้อมกับขับรถวนเวียนหลงไปถนนเส้นหนึ่ง จนพบ กับร้านอาหารอร่อย ราคาไม่แพง ชื่อร้าน บ้านกับดอย ทำให้เราติดใจในบรรยากาศ และอาหาร  สรุปคืนนั้นเราอิ่มแปร้กับที่พักกันทั้ง คณะ เรียกว่า หลงจนได้เจอที่ดีๆ นั่นเอง

วันที่4 เราออกจากเชียงใหม่มุ่งหน้าสู่ดอยอินทนน์  เราขึ้นเขาไปได้ระยะหนึ่ง ก็พบกับขบวนรถติดยาว ระยะทางประมาณ 11 กม. ก่อนถึงดอยอินทนน์ รถเคลื่อนไปอย่างช้าๆจนเวลาล่วงเลยไปนาน ก็ยังไม่มีทีท่าจะถึง เราทั้งคณะจึงเปลี่ยนใจหันรถกลับ ลงมาไปเที่ยวน้ำตกวชิรธาร น้ำตกสวย ก่อนลงมาเชิงดอย ไปซื้อผักสดโครงการหลวง กลับบ้าน  สงสารรถที่เรานั่งเพราะว่ารับน้ำหนัก สัมภาระ ทั้งคนทั้งสัมภาระทั้งของฝาก เต็มสตีม จนดันลงไปไม่หมดต้องถือวางบนตักในรถแทน

หลังจากพลาดหวังจากดอยอินทนน์เราก็ตั้งใจไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพ แต่แล้วเราก็ต้องผิดหวัง เพราะรถติดมากอีกตามเคย เราจึงหันรถไปยังบ่อสร้าง สันกำแพง แทน  ณ ที่นี้เองเป็นจุดสุดท้ายของเชียงใหม่ ที่เราไปเยี่ยมชม 

ออกจากเชียงใหม่ ประมาณ 2 ทุ่ม มาแวะห้างฉัตรเพื่อจานชามเซรามิค กลับมาถึง กทม ประมาณ ตีสี่  ด้วยความเหนื่อยอ่อน จากการเดินทางกันทั้งคณะ   แต่ถึงแม้เราจะเหนื่อย แต่ก็เป็นทัวร์ ที่สนุกส่งท้ายปีมากๆเลยนะ

คำสำคัญ (Tags): #บันทึก
หมายเลขบันทึก: 70467เขียนเมื่อ 1 มกราคม 2007 15:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:54 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วได้ความรู้และข้อคิดดีครับ โอกาสหน้า ( หน้าหนาวปีหน้า ) เชิญมาท่องเที่ยวที่ จ.น่าน เราชาวน่านยินดีต้อนรับ ครับผม สวัสดีปีใหม่ครับ.( ใช้เวลา 3-4 วันที่น่านได้เลย )

สวัสดีคะ คุณธนุ ขอบคุณมากคะที่แวะมาอ่าน ข้อคิดเห็นของคุณเป็นข้อคิดเห็นแรกเลยนะคะ นับตั้งแต่มาสมัครสมาชิก ขอบคุณในน้ำใจไมตรี ที่เชิญไปเที่ยว จังหวัดน่านนะจ๊ะ ^__^  ถ้ามีโอกาสจะแวะไปค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เพราะว่า ปกติทุกปีช่วงเทศกาลใหญ่ๆ เช่นปีใหม่ สงกรานต์ จะกลับไปหาบิดา มารดา ที่อยุธยาค่ะ  ถ้ามีโอกาสเชิญไปเที่ยวที่ จ.อยุธยาบ้างสิคะ เคยไปหรือยังเอ่ย  ถ้าชอบเที่ยววัด เมืองโบราณ ชาวอยุธยาก็ยินดีต้อนรับเช่นเดียวกันค่ะ  สวัสดีปีใหม่คะ ขอให้คุณและครอบครัวมีความสุขเช่นเดียวกันค่ะ 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท