พูดถึงปัญหาที่สังคมไทยมักจะเจออยู่มาอย่างยาวนานบนท้องถนน และ ยังแก้ปัญหาไม่ได้ นั่นก็คือ ปัญหาการจราจร ติดขัดในกรุงเทพฯ หรือเขตปริมณฑล ที่ทำให้ทุกคนได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเรื่องเวลาที่เราจะต้องเสียไป เพราะฉะนั้นทางภาครัฐ หรือทางตำรวจจราจร ก็ได้มีการพยายามวางแผนเพื่อขจัดปัญหานี้ไปให้ได้ แต่ยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้ทุกคนยังต้องเผชิญปัญหาการจราจรต่อไป
สาเหตุสำคัญที่สุดของปัญหาการจราจรติดขัด คือ มีการใช้รถส่วนตัวกันมากกว่าการขนส่งสาธารณะ ซึ่งไม่มีเมืองใหญ่ ๆ ที่ไหนในโลกเขาทำกัน แม้แต่เมืองที่ประชาชนจะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่า ซึ่งสามารถซื้อรถยนต์ได้มากกว่าคนไทย แต่ประเทศเหล่านั้นกลับเลือกใช้การขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ใช้รถส่วนตัวเฉพาะบางกรณีเท่านั้น การใช้รถส่วนตัวมาก ทำให้เปลืองพื้นที่ถนนมาก มีการจราจรที่คับคั่งจนเกินไป เมื่อเทียบกับการขนส่งสาธารณะ เช่น รถใต้ดิน รถไฟ รถเมล์ ที่ใช้พื้นที่ต่อคนน้อยกว่ารถส่วนตัวมากมายหลายเท่า และในอีกทาง รถขนส่งสาธารณะส่วนใหญ่ก็สภาพเก่า บางคันใช้มาแล้วมากกว่า 50-60 ปี และเนื่องมาจากไม่มีบริการขนส่งสาธารณะที่ดีพอ ทำให้ต้องพูดถึงเรื่องทางเท้า ทางข้ามถนน ทางม้าลาย สะพานลอย ที่ไม่เอื้อกับการใช้งาน การก่อสร้างที่ประสิทธิภาพต่ำ ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนไม่หยุดรถให้คนข้ามถนน
พูดได้เลยว่า ปัญหาการจราจรคับคั่งในกรุงเทพฯ สะท้อนให้เห็นว่าความเจริญทางเศรษฐกิจรวมศูนย์ที่กรุงเทพฯ และ ปริมณฑลมากไป คนชั้นกลางชั้นสูงใช้รถส่วนตัวกันมาก การจะแก้ปัญหาจราจรในกรุงเทพฯและปริมณฑล ต้องเชื่อมโยงกับการแก้ไขนโยบายพัฒนาประเทศให้มุ่งกระจายการพัฒนาสู่ต่างจังหวัด และ พัฒนาเพื่อคนจนมากขึ้น ไม่ใช่แค่แก้ ปัญหาจราจร เท่านั้น ซึ่งนอกจากจะแก้ไม่ได้ผลแล้ว ยังต้องใช้งบประมาณสิ้นเปลืองมากขึ้น ทำให้มีงบประมาณเหลือไปช่วยต่างจังหวัดลดลงไปอีก กลายเป็นปัญหางูกินหางไม่รู้จบสิ้น
ไม่มีความเห็น