วันครู (Teachers' Day)
ดร.ถวิล อรัญเวศ
วันครู (Teachers' Day) ตรงกับวันที่ 16 มกราคม ของทุก ๆ ปี จุดประสงค์ในการมีวันครูก็เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ พ่อพิมพ์ของชาติที่ได้อบรมสั่งสอนเรามาตั้งแต่เล็ก ทำให้เราเป็นคนดี รู้วิชา เพราะฉะนั้น ครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมากในวงการ การศึกษา ทั้งในด้านวิชาการ และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างมาก จนถึงกับมีคำกล่าวว่า
“อนาคตของชาติอยู่ในกำมือของเด็กและเยาวชน แต่อนาคตของเด็กและเยาวชน
อยู่ในกำมือของครูและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย”
อีกเหตุผลที่วันที่ 16 มกราคมของทุกปีถูกกำหนดให้เป็นวันครูอันเนื่องมาจาก
ในปี 2488 ประเทศไทยมีการประกาศพระราชบัญญัติครูขึ้นมาในราชกิจจานุเบกษา จึงมีการกำหนดให้มีวันครูครั้งแรกตั้งแต่ปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมา
. งานของครูถือว่าเปนงานที่สร้างสรรคอย่างแท้จริง เพราะครูเปนผู้วางรากฐานความรู้ ความดี และความสามารถทุกๆ ด้านให้แก่ศิษย เพื่อช่วยให้เขาเหล่านั้นสามารถประกอบสัมมาชีพ เลี้ยงตน เปนหลักฐาน และดำรงตนเปนคนดีมีประโยชนต่อสังคมและส่วนรวม งานสร้างสรรคของครูนั้นจำเปนต้องกระทำด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ และหนักแน่น ด้วยความพากเพียรอดทน พร้อมด้วยความเมตตากรุณา และความเปนธรรมเที่ยงตรงอย่างสูง ไม่ว่าจะอยู่ในหน้าที่หรือนอกหน้าที่ ครูที่แท้จะต้องสำรวมระวังตนอย่างเคร่งครัด ในเรื่องของความประพฤติปฏิบัติ ไม่ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามความสนุกสนานที่ไม่สมควรแก่ฐานะและเกียรติภูมิของครู ...”
พระราชดํารัสพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิรวลงกรณพระวชิรเกลาเจาอยูหัว เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศสมเด็จพระบรมโอรสําธิรวสชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในโอกาสที่คณะครูอาวุโส ประจำปี 2534 เข้ําเฝ้ําฯ รับพระราชทานเครื่องหมายเชิดชูเกียรติและเงินช่วยเหลือ ณ ศาลาดุสิดาลัยสวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม 2534
(จากหนังสือวันครู ครั้งที่ 66 พ.ศ. 2565 “พลังครูยุคใหม่สร้างคุณภาพคนไทยสู่สากล”)
คำขวัญวันครู ปี 2565
นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ครูเป็นผู้จุดประกายความคิด อบรมสั่งสอนวิชาความรู้ เพื่อให้ศิษย์เป็นคนดี คนเก่ง มีคุณภาพ คุณธรรม และมีจิตสาธารณะ รวมทั้งมีความรับผิดชอบต่อสังคม รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาขับเคลื่อนโดยภูมิปัญญาและนวัตกรรมตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี โดยเฉพาะการพัฒนาการศึกษาของชาติแบบองค์รวม เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยให้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21 ที่มุ่งเน้นการสร้างครูยุคใหม่และผู้เรียนที่ใฝ่เรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต รวมทั้งพัฒนาในด้านต่างๆ เพื่อให้มีความพร้อมในการดำเนินชีวิตในโลกยุควิถีใหม่
นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญ “วันครู” ครั้งที่ 66 ในปีพุทธศักราช 2565 นี้ ว่า “พัฒนาครู พัฒนาเด็ก เรียนรู้สู่อนาคต” ด้วยตระหนักถึงการพัฒนาครูซึ่งเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาการศึกษาของชาติให้มีความรู้ ความสามารถ มีทักษะที่เหมาะสม สอดคล้องกับรูปแบบการเรียนการสอนในยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล สามารถถ่ายทอดให้ศิษย์มีความรู้และทักษะที่จำเป็น เกิดการเรียนรู้ คิดริเริ่ม สร้างสรรค์ พัฒนาสิ่งใหม่ โดยนายกรัฐมนตรีขอเป็นกำลังใจให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนที่มุ่งมั่น ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ในการทำหน้าที่อำนวยความรู้แก่ศิษย์ เพื่อให้ศิษย์เติบโตเป็นอนาคตของชาติที่มีคุณภาพ คุณธรรม และเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมและประเทศชาติต่อไป
ความหมายของครู
คำว่าครูนั้นมาจากศัพท์ภาษาสันสกฤต คำว่า "คุรุ" และภาษาบาลี คำว่า
"ครุ" , "คุรุ" หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอนแนะนำ ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของสังคมและประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีหน้าที่สอน อบรมเกี่ยวกับวิชาความรู้ การอ่านเขียน รวมไปถึงการให้ความรู้และแนะนำในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน นอกจากนี้ยังหมายถึง ผู้มีภาระอันหนักยิ่ง มีภาระอันใหญ่หลวง
คุณลักษณะของครูที่ดีตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา
คุณลักษณะของครูที่ดีตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา หลักธรรมหมวดนี้ คือ “ กัลยาณมิตตาธรรม ” มี 7 ประการ ดังนี้
1.ปิโย - น่ารัก
ครูนั้นจะต้องเป็นผู้ที่น่ารัก ศิษย์ได้พบเห็นแล้วอยากเข้าไปพบ สบายใจเมื่อได้พบปะกับครู อาจารย์ผู้นั้น สำหรับแนวทางกระทำตนให้น่ารักของศิษย์นั้นสามารถกระทำได้ดังนี้
1.1. มีเมตตาหวังดีต่อศิษย์เสมอ
1.2. ยิ้มแย้ม แจ่มใส หน้าไม่บึ้งตึงทั้งเวลาสอนและนอกเวลาสอน
1.3. ให้ความสนิทสนมกับศิษย์ตามควรแก่กาลเทศะไม่เกินดี
1.4. พูดจาอ่อนหวานสมานใจกับศิษย์ทุกคน
1.5. เอาใจใส่อบรมสั่งสอนศิษย์ให้เกิดความรู้อย่างแท้จริง
1.6. เป็นเพื่อนในสนามกีฬา เป็นครูที่สง่าในห้องเรียน
1.7. เมื่อเด็กมีความทุกข์ ครูให้ความเอาใจใส่คอยปลอบประโลมให้กำลังใจ
2. ครุ - น่าเคารพ ครู
ต้องเป็นผู้ประพฤติตนเหมาะสมแก่ฐานะของความเป็นครู กระทำตนเป็นแบบอย่างแก่ศิษย์ทั้งพฤติกรรมทางกาย วาจา ใจ
3. ภาวนีโย – น่าเจริญใจหรือน่ายกย่อง ครูต้องกระทำตนให้เป็นที่เจริญน่ายกย่องของศิษย์และบุคคลทั่วไป มีความรู้และภูมิปัญญาอย่างแท้จริง มีคุณธรรมควรแก่
การกราบไหว้บูชาของศิษย์เสมอ เปิดรับความรู้ใหม่ ๆ เชื่อกฎแห่กรรม เป็นผู้รักษาศีล ควบคุมจิตด้วยสมาธิ และแก้ปัญหาด้วยปัญญา
4.วัตตา
มีระเบียบแบบแผน ครูต้องกระทำตนให้เป็นบุคคลที่เคารพ อยู่ในกฎระเบียบ มีระเบียบแบบแผน ขณะเดียวกันก็อบรมตักเตือนศิษย์ให้เป็นผู้มีระเบียบ
ด้วยเช่นกัน
5. วจนักขโม
อดทนต่อถ้อยคำตาง ๆ ครูต้องอดทนต่อคำพูดของศิษย์ที่มากระทบความรู้สึก ครูต้องพร้อมรับฟังข้อซักถาม ให้คำปรึกษาหารือ แนะนำ ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว หรือไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียว โมโหโกรธง่าย
6. คัมภีรัญจะ กถัง กัตตา
แถลงเรื่องได้อย่างลึกซึ้ง ครูจะต้องมีความสามารถในการสอน ใช้คำพูดในการอธิบายเรื่องราวต่างๆได้อย่างแจ่มแจ้ง มีความรอบรู้ในเรื่องที่จะพูด สอนเรื่องยาก ให้เข้าใจง่าย ยกตัวอย่าง ใช้สื่อการสอนประกอบเพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจในเรื่องที่สอนได้โดยง่าย
7. โน จัฏฐาเน นิโยชเย
ไม่ชักนำศิษย์ไปในทางเสื่อมเสีย หรือไม่ชักนำศิษย์ไปในทางที่ต่ำทรามใด ๆ
สิ่งใดเป็นความเสื่อมโทรมทางจิต จะไม่ชักนำศิษย์ไปทางนั้น และในขณะเดียวกันครูต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอบายมุขทั้งหลายทั้งปวงด้วยเพื่อเป็นแบบอย่าง
ให้แก่ศิษย์ เพราะแบบอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน
ความเป็นมาของวันครูแห่งชาติ
วันครูได้จัดให้มีขึ้น ครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า"คุรุสภา" ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคลและให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความ เห็นในเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษาธิการ จัดสวสัดิการให้แก่ครูและครอบครัว ได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจึงจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งซักถามปัญหาข้อข้องใจต่างๆเกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภา โดยมี คณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบข้อสงสัย สถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุม"สามัคคยาจารย์"หอประชุมของจุฬาลงกร ณมหาวิทยาลัย ในระยะหลังจึงมาใช้หอประชุมของคุรุสภา
ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวปราศัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า "ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่า "วันครู" ควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้ แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง"
จากแนวความคิดนี้ กอรปกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่นๆที่ล้วนเรียกร้อง ให้มี "วันครู" เพื่อให้เป็นการรำลึกถึงความสำคัญของครูในฐานะที่เป็นผู้เสีย สละ ประกอบคุณงามความดีเพื่แประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติ เห็นควรให้มี "วันครู" เพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอในหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครู และเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอีนดีระหว่างครูกับประชาชน
ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคม ของทุกปีเป็น "วันครู" โดยถือเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครู และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดัง กล่าวได้
การจัดงานวันครูได้จัดเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 ในส่วนกลางใช้สถานที่ของกรีฑาสถานแห่งชาติเป็นที่จัดงาน งานวันครูนี้ได้กำหนดเป็นหลักการให้มีอนุสรณ์งานวันครูไว้ให้แก่อนุชนรุ่น หลังทุกปี อนุสรณ์ที่สำคัญคือหนังสือประวัติครู หนังสือที่ระลึกวันครู และสิ่งก่อสร้างที่เป็นถาวรวัตถุ
การจัดงานวันครูนั้น ได้จัดให้มีกิจกรรมทางศาสนา และกิจกรรมวันครู
เช่น มีการไหว้ครู แต่ในปัจจุบัน ได้ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกิจกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยตลอดเวลา โดยเฉพาะปี 2564 เป็นปีที่มี
การแพร่ระบาดของเชื้อโรคไวรัสเหมือนปี 2563 แต่ปี 2564 เป็นการแพร่เชื้อใน
ปลายปี 2563 กลับมาอีกระลอกใหม่ ก็งดจัดงานวันครู
สำสหรับการจัดงานวันครูที่ได้เคยมีมาได้จัดรูปแบบการจัดงานวันครูจะมี
กิจกรรม 3 ประเภทใหญ่ดังนี้
กิจกรรมทางศาสนา
พิธีรำลึกถึงครูบาิจารย์ โดยมีพิธีปฏิญญานตน รวมไปถึงการกล่าวระลึกถึงพระคุณของครูกิจกรรมจัดเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ปกครองกับคุณครู อาจจะเป็น
การแข่งขันกีฬาเพื่อความสามัคคี หรืองานเฉลิมฉลองต่าง ๆ
บทกล่าววันไหว้ครู และขั้นตอนในการจัดกิจกรรม
ปาเจราจริยา โหนติ คุณุตตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)
ประพันธ์โดย พระวรเวทย์พิสิฐ (วรเวทย์ ศิวะศรียานนท์)
บทไว้ครู ปาเจราจริยา โหนติ
ปัญญาวุฒิกเรเตเต ทินโนวาเท นมามิหัง
จากนั้นประธานจัดงานวันครู จะเชิญผู้ร่วมประชุมยืนสงบนิ่ง 1 นาที เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ครูอาวุโสประจำการนำผู้เข้าร่วมประชุมกล่าวคำปฏิญาณดังนี้
ข้อ 1.ข้าฯจะบำเพ็ญตนให้สมกับที่ได้ชื่อว่าเป็นครู
ข้อ 2.ข้าฯจะตั้งใจฝึกสอนศิษย์ให้เป็นพลเมืองดีของชาติ
ข้อ 3.ข้าฯจะรักษาชื่อเสียงของคณะครูและบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม
จบแล้วพระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา ในส่วนกลาง นายกรัฐมนตรี
หรือผู้ได้รับมอบหมาย จะได้มีการมอบรางวัลครูดีเด่นประจำปี มอบของที่ระลึกให้ครูอาวุโสนอกและในประจำการสุดท้ายกล่าวคำปราศัยและให้ โอวาทแก่ครูที่มาประชุม
จรรยามารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู
มารยาทและวินัยตามระเบียบประเพณีของครู
1. เลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขด้วยความบริสุทธิ์ใจ
2. ยึดมั่นในศาสนาที่ตนนับถือ ไม่ลบหลู่ดูหมิ่นศาสนาอื่น
3. ตั้งใจสั่งสอนศิษย์และปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เกิดผลดีด้วยความเอาใจใส่ อุทิศเวลาของตน ให้แก่ศิษย์ จะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่การงานไม่ได้
4. รักษาชื่อเสียงของตนมิให้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ห้ามประพฤติการใด ๆ อันอาจทำให้เสื่อมเสียเกียรติและชื่อเสียงของครู
5. ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมอันดีงามของสถานศึกษา และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งในหน้าที่การงานโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบแบบแผนของสถานศึกษา
6. ถ่ายทอดวิชาความรู้โดยไม่บิดเบือนและปิดบังอำพราง ไม่นำหรือยอมให้นำผลงานทางวิชาการของตนไปใช้ในทางทุจริตหรือเป็นภัยต่อมนุษย์ชาติ
7. ให้เกียรติแก่ผู้อื่นทางวิชาการ โดยไม่นำผลงานของผู้ใดมาแอบอ้างเป็นผลงานของตน และไม่เบียดบังใช้แรงงานหรือนำผลงานของผู้อื่นไป เพื่อประโยชน์ส่วนตน
8. ประพฤติตนอยู่ในความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความเที่ยงธรรมไม่แสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ
9. สุภาพเรียบร้อยประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ รักษาความลับของศิษย์ ของผู้ร่วมงานและของสถานศึกษา
10. รักษาความสามัคคีระหว่างครูและช่วยเหลือกันในหน้าที่การงาน
วันครูนั้น จะมีทั้งวันครูโลกและวันครูแต่ละประเทศ
สำหรับวันครูของไทยได้จัดให้มีขึ้นครั้งแรกเมื่อ เมื่อ 16 มกราคม พ.ศ.2500 เพื่อบรรดาลูกศิษย์ได้แสดงความเคารพ สักการะต่อครูผู้มีพระคุณ การประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ.2488 ได้ระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา มีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครู ให้ความเห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู และมีการจัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร
ประกอบกับมีคุณครูบางกลุ่มที่มีการเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครู ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ และประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน ซึ่งทำให้ที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาและมีมติ เห็น ควรให้มีวันครู เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่าง ครู กับประชาชน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ทางคณะรัฐมนตรีได้มีมติ ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น "วันครู" และให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าว
กิจกรรมพิธีไหว้ครู
16 มกราคม ของทุกปี ถือเป็นวันครู เป็นวันหยุดของครูที่จะได้ร่วมกิจกรรมวันครู ที่จะทำให้ระลึกถึงการเรียนการสอนแก่ศิษย์ทั้งหลาย จุดประสงค์ในการมีวันครู เพื่อให้นักเรียนได้ระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ แม่พิมพ์ของชาติที่ได้อบรมสั่งสอน ให้เราเป็นคนดีรู้วิชา เพราะฉะนั้นครูจึงเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมาก ทั้งให้ความรู้ การศึกษา และประสบการณ์ รวมทั้งเป็นอาชีพที่ถือว่ามีความเสียสละเพื่อส่วนรวมอย่างมาก กิจกรรมวันครู แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ก็ทำให้ลูกศิษย์ที่ยังนึกถึงมาแสดงความเคารพและทำกิจกรรมร่วมกัน
เนื่องจากวันครูเป็นวันที่โรงเรียนหยุดทั้งประเทศ พิธีไหว้ครู ซึ่งสถาบันการศึกษาแต่ละแห่ง มักเลือกเอาวันพฤหัส ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดภาคเรียน ตามความเชื่อโดยทั่วไปของไทย ซึ่งถือว่าวันพฤหัสบดี คือวันครู สำหรับพิธีไหว้ครูนั้น นักเรียนแต่ละห้องจะจัดทำพานดอกไม้ และธูปเทียน ที่จัดทำขึ้นเพื่อน้อมระลึกถึงพระคุณครู โดยการนำ ดอกไม้ ธูป เทียน มากราบไหว้สักการะครู
การระลึกนึกถึงพระคุณของคุณครู การไหว้ครูคือการแสดงความเคารพระลึกถึงพระคุณของครูด้วย ดอกไม้ ธูป เทียน มากราบไหว้สักการะครู การแสดงความเคารพบูชาครูบาอาจารย์ ดีที่สุดคือปฏิบัติบูชา คือทำตามคำสอนของท่าน ครูมีหน้าที่แนะนำสิ่งดีๆ อบรมสั่งสอน หน้าที่ของศิษย์เองก็จะต้องตั้งใจประพฤติปฏิบัติตามเรียกว่าปฏิบัติ อันนี้คือการปฏิบัติบูชาที่ดีที่สุด
ในทางพระพุทธศาสนาของเรานี่ ครูผู้ยิ่งใหญ่ของเราคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจึงควรศึกษาของดีๆ ที่มีอยู่ในพระพุทธ ศาสนา เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สังคมอย่างกว้างขวางและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน รวมกับคำสอนของคุณครู เพียงเท่านี้ก็จะดำเนินชีวิตไปอย่างมีความสุขด้วยสติแล้ว
กิจกรรมทางศาสนา
การทำบุญตักบาตร เข้าวัด ฟังธรรมเป็นเรื่อง ที่ส่วนใหญ่คุณครูจะปฏิบัติ แม้กิจกรรมวันครู จะถูกปรับปรุงกิจกรรม เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมไทยตลอดเวลา แต่การเข้าวัดเพื่อทำจิตใจให้สะอาด และทำบุญ จะช่วยให้มีสติในการดำเนินชีวิตมากขึ้น ซึ่งตามต่างจังหวัดอาจทำพิธีการทางศาสนาที่คุณครูร่วมกับชาวบ้าน หรือกิจกรรมวันครูเป็นการเฉพาะ
บำเพ็ญประโยชน์เพื่อสาธารณะ
กิจกรรมแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน ซึ่งบางโรงเรียนก็จัดกิจกรรม มีพิธีปฏิญาณตน รวมไปถึงการกล่าวระลึกถึงพระคุณของครู ซึ่งจะรวมทั้งศิษย์เก่า ศิษย์ใหม่ มาในวันเดียวกัน ซึ่งเป็นการทำกิจกรรมร่วมกัน การจัด กิจกรรมจัดเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ปกครองกับคุณครู ในวันครูนั้น อาจจะเป็นการแข่งขันกีฬาเพื่อความสามัคคี หรืองานเฉลิมฉลองต่างๆ ซึ่งจะช่วยสานสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างผู้ปกครองและครู รวมถึงเด็กๆ อีกด้วย
กิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวันครู ต่างทำเพื่อน้อมรำลึกถึงพระคุณที่คุณครู ได้อบรม สั่งสอน และเป็นผู้ให้ความรู้ เป็นผู้ให้แสงสว่างนำทางส่องชีวิต ทำให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายได้แสดงความเคารพ สักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณ ซึ่งการส่งเสริมแนวทางการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้วันครูได้สืบยาวนานตลอดไป จะเป็นการดีที่เป็นกำลังและแรงใจให้คุณครู ได้มีกำลังใจที่จะสอนต่อไป
พิธีรำลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
การส่งเสริมแนวทางที่จะทำให้กิจกรรมวันครูสืบต่อไป ประกอบด้วยพิธีปฏิญาณตน การกล่าวคำระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์
ส่วนกิจกรรมเพื่อความสามัคคีระหว่างผู้ประกอบอาชีพครู ส่วนมากเป็น
การแข่งขันกีฬาหรือการจัดงานรื่นเริงในตอนเย็น
กิจกรรมทางวิชาการ
เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริมวันครูสำหรับการจัดกิจกรรมทางวิชาการในช่วงสัปดาห์ "วันครู" เพื่อสร้างจิตวิญญาณความเป็นครูและกิจกรรมการพัฒนาครู ซึ่งเด็กๆ จะได้เห็นความเหนื่อยยาก ลำบาก กว่าจะทำให้เด็กแต่ละคนประสบความสำเร็จ การนำเกียรติคุณของครูที่มีประวัติที่ดีมาจัดนิทรรศการเพื่อจะได้แง่คิดของครูเหล่านั้น
มอบโล่ประกาศเกียรติคุณครูดีเด่น
เป็นการจัดกิจกรรม ที่มีพิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณ "ครูดีไม่มีอบายมุข" ครูดีมีคุณธรรม หนึ่งแสนครูดี อาจจัดเป็นงานนิทรรศการ งานวันครูและเปิดประชุมทางวิชาการ การจัดอภิปราย เกี่ยวกับครู การนำเสนอผลงานเกี่ยวกับการปฏิรูปการเรียนรู้ และมอบรางวัลแก้ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่การศึกษาและได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล
แหล่งข้อมูล
https://www.matichon.co.th/politics/news_2527966
https://www.kroobannok.com/88643
https://www.sanook.com/campus/1183409/
https://sites.google.com/site/khrukhonmai/k1
ไม่มีความเห็น