เรื่องเล่า.....นักล่าฝัน.....วันยุวกวี
กวีบ้านนอก
ความรู้สึกแรกที่รู้สึกหลังจากที่คุณครูแจ้งข่าวการเข้าร่วมการแข่งขันในงานยุวกวีในวันที่ 18 สิงหาคม 2549 รู้สึกว่าดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้เป็นบุคคลกลุ่มหนึ่ง ที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนบ้านเม็กดำ ซึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้พวกเราเกิด แรงบันดาลใจที่ก้าวไปให้ถึงจุดที่มีเกียรติที่สุดสำหรับเยาวชนตัวน้อยๆ เราเฝ้าฝึกฝนบทประพันธ์และงานกวีซึ่งพวกเราทุกคนต่างทุ่มเทและมีใจรักในงานประพันธ์บทกลอนอีกทั้งยังส่งผลให้พวกเรามีจิตใจที่เบิกบานและแล้ววันที่คอยก็มาถึง วันซึ่งเราทุกคนเฝ้าฝันที่เราจะได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ได้ทดสอบความรู้ความสามารถหลังจากที่ฝึกฝนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก้าวแรกที่ก้าวขึ้นรถ นับว่าเป็นบันไดขั้นแรก ที่จะปีนป่ายขึ้นไปสู่ความฝันอันสวยงาม เรามุ่งเดินทางต่อไป ระหว่างการเดินทาง เราได้มีโอกาสสัมผัสกลิ่นไอแห่งพระพุทธศาสนาทุกถ้อยคำภาษาบาลีที่เปล่งออกมาจากแรงศรัทธา ของพุทธศาสนิกชน ที่มาร่วมกันทำบุญที่วัดหลวงพ่อโต เมืองย่าโม ในวันนั้น บรรยากาศริมฝั่งทางทั้งสองข้างเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จากทุ่งนา ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งตะง่านอยู่ระหว่างชุมชนต่างๆ ยิ่งใกล้ถึงกรุงเทพฯเท่าไหร่ บรรยากาศก็เริ่มแปรเปลี่ยนมากขึ้นทุกที และแล้วจุดจุดนี้ก็มาถึง จุดซึ่งเด็กบ้านนอกกลุ่มนี้ จะได้มีส่วนร่วมในการประสานฝัน เมื่อก้าวเข้าไปในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครได้เห็นความแตกต่างระหว่างชุมชนเมืองกับชุมชนชนบท ต่อจากนั้นเราได้เที่ยวชมซึ่งเป็นสถานศึกษาและได้กราบนมัสการสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในมหาวิทยาลัยนั้นรุ่งเช้าของ วันใหม่รู้สึกตื่นเต้นที่วันสำคัญวันนั้นมาถึงบรรยากาศภาย ในงาน มีผู้คนต่างถิ่นมากมายหลายโรงเรียน ที่มุ่งหมายที่จะสานฝันเหมือนกับพวกเราในวันนั้นได้มีโอกาสพบเห็นยุวกวีที่มีความสามารถรับถ้วยรางวัล,ถ้วยเกียรติยศ ที่ยุวกวีต่างอยากได้มาชื่นชม ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจที่จะมุ่งทะยานไปสู่ฝั่งฝัน แต่ถึงแม้ผลที่ออกมาจะไม่สมดั่งที่เราตั้งใจ และวาดฝันไว้แต่เราทุกคนก็ทำอย่างเต็มความสามารถ เท่านี้เด็กบ้านนอกตัวเล็กๆ อย่างพวกเราก็ภาคภูมิใจแล้ว
แล้ววันที่รอคอยก็มาถึง
วันที่ซึ่งนำมาสู่ความฝัน
จะร่วมก้าวร่วมแต่งกลอนไปพร้อมกัน
จะมุ่งมั่นเดินหน้ากล้าจะลอง
เด็กตัวน้อยกลุ่มนี้ที่ชอบฝัน
ว่าสักวันจะได้ร่วมฉลอง
ทำได้ดีมีชัยอย่างใจปอง
ดั่งพี่น้องเทพศรีกวีศิลป์