หนาวลมห่มผ้า หนาวการศึกษาจะห่มอะไร
เมื่อหลายวันก่อนได้อ่านบทความของท่านสุจิตต์ วงษ์เทศ ในมติชนรายวันฉบับวันที่ 22 ธันวาคม 2549 มีสาระชวนคิด ให้สะกิดใจนักการศึกษาไทย จึงคิดถึงสำนวนไทยที่เหมาะกับช่วงอากาศกำลังดี ที่บอกว่า หนาวลมห่มผ้า ผมเลยต่อว่า แล้วหนาวการศึกษาจะห่มอะไร
ท่านสุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวไว้ในส่วนหนึ่งของบทความว่า
"..การศึกษาแบบหมาหางด้วนเน้นลักษณะคาบคัมภีร์มีตำราเป็นตัวตั้ง บรรดาครูอาจารย์ยึดตำราเถนส่องบาตร สอนแต่หนังสือ สอนตามหนังสือ...."
"...สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ สำรวจวิจัยเด็กเรียนเก่ง มุ่งแต่เรียนแต่ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ขาดการทำกิจกรรมต่างๆไม่รู้จักช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนเด็กเรียนไม่เก่งมีงานวิจัยว่าพยายามทำพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆเพื่อสร้างพื้นที่ให้ตัวเอง ซึ่งอาจไปหมกมุ่นกับอบายมุข...."
"...สรุปแล้วทั้งเด็กเรียนเก่งและเรียนไม่เก่งล้วนเป็นเหยื่อของการศึกษาแบบหมาหางด้วน ขาดจิตสำนึกสาธารณะ ขาดศีลธรรม ขาดรากฐานประชาธิปไตย..."
อ่านแล้วหนาว สาธยายไม่ถูกว่าหนาวแบบไหน จึงไปเปิด พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2542 ได้อธิบายความหนาวไว้ 7 แบบ คือ
1 หนาวใจ - สะท้านใจ เยือกเย็นใจ คร้ามเกรงภัย กลัว
2 หนาวดอกงิ้ว - ระยะเวลาที่ต้นดอกงิ้วออกดอกประมาณเดือนยี่ อากาศเย็นกว่าธรรมดา
3 หนาวๆร้อนๆ- ครั่นเนื้อครั่นตัว มีอาการคล้ายจะเป็นไข้ มีความเร่าร้อนใจกลัวว่าจะถูกลงโทษหรือถูกตำหนิ
4 หนาวสะท้าน - หนาวสั่นเพราะพิษไข้ รู้สึกเย็นเยือกเข้าหัวใจทำให้รู้สึกครั่นคร้ามหรือหวาดกลัวจนตัวสั่น
5 หนาวสันหลัง - รู้สึกหวาดกลัว
6 หนาวเหน็บ - หนาวมากจนรู้สึกชาคล้ายป็นเหน็บ
7 หนาวอารมณ์ - รู้สึกเปล่าเปลี่ยวใจ
เห็นหนาว 7 แบบ แล้วลองเอาสถานการณ์การจัดการศึกษาของบ้านเมืองเราไปทาบดู คงจะรู้ว่าหนาวแบบไหน สำหรับผมในฐานะครูผู้ทำหน้าที่บริหารสถานศึกษาแห่งหนึ่ง ตอบได้ว่าสถานการณ์การศึกษาไทยหนาวได้ทุกแบบ
จิตสาธารณะเป็นกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของผู้คน จิตสาธารณะเป็นผลลัพธ์ของกระบวนการ ต้องใช้ปัจจัยอันหลากหลายมาเสริมหนุน เพียงแค่ทิ้งขยะให้ถูกที่ถูกทางก็เริ่มมีจิตสาธารณะแล้ว หากแต่บางคน ขยะนั้นเกิดจากตัวเองแท้ๆยังทิ้งเกะกะเรี่ยราดให้คนอื่นเก็บแล้วเราจะถามหาจิตสาธารณะจากคนเหล่านั้นได้อย่างไร
ถามไปก็ลงมาที่ตัวเอง การศึกษาจะต้องสร้างจิตสาธารณะให้เกิดขึ้นผ่านการหล่อหลอมของการศึกษาใช่หรือไม่ คำตอบคือใช่ คำถามเกิดใหม่ทันทีว่าแล้วจะทำอย่างไร
ห้องเรียนของคนหลายวัยที่เม็กดำ เราคาดหวังต่อการเกิดจิตสาธารณะจะเป็นดอกผลแห่งความเพียรพยายามของพวกเรา ด้วยความเชื่อพื้นฐานที่ว่าเพียงแค่ทุกคนก้าวเดินออกจากที่ยืนของตัวเอง เดินเข้ามาในลานเรียนรู้ของห้องเรียนของคนหลายวัย เขาเหล่านั้นจะได้ลิ้มรสอันอ่อนละมุนของจิตสาธารณะทันที
คำถามจึงอยู่ที่ทำอย่างไรลานแห่งการเรียนรู้ ห้องเรียนของคนหลายวัยที่เม็กดำจะยืนยงและยั่งยืน
การศึกษาแบบหมาหางด้วนเน้นลักษณะคาบคัมภีร์มีตำราเป็นตัวตั้ง ครูไทยทั้งประเทศต้องลงขันความคิด ลงขันกำลังใจ ลงขันพลังขับเคลื่อน ให้การศึกษาไทยมีชีวิตชีวา
แต่อย่างไรก็ตามครูไทยทุกคนจะต้องดูแลตัวเองให้มีชีวิตชีวาก่อน เพราะถ้าสิ่งใดไม่มีชีวิตชีวา สิ่งนั้นก็จะไม่รู้ร้อนรู้หนาว
ครูไทยมีชีวิตชีวา การศึกษาไทยก็มีชีวิตชีวา ครูและการศึกษาก็จะรู้ร้อนรู้หนาว เมื่อนั้นพวกเราก็จะรู้ว่า
หนาวลมห่มผ้า หนาวการศึกษาจะห่มอะไร
แล้วเด็กๆเม็กดำล่ะหนาวการศึกษาห่มอะไรเอ่ย
ครูหนาวไหม ห่มอะไรดี
ท่านขุนพลเม็กดำ
ผมมีชีวิตที่อบอุ่น อุ่นอยู่ในใจผม และพร้อมจะเป็นตัวอย่าง และแบ่งปัน ให้ใครที่ยัง "หนาวชีวิต" อยู่ครับ
เพราะ ผมใช้ KM มาก่อนที่ใครจะพูดถึง KM ด้วยซ้ำ
ทำให้ผมได้วางแผนชีวิตตัวเอง
ตั้งแต่เด็กเล็กๆ ชั้นประถม มาจนถึงทุกวันนี้ อย่างเป็นขั้นตอน ว่า
ผมจึงไม่หนาวชีวิตครับ
น่าจะห่มด้วย
ขอบคุณทุกท่าน
ที่ร่วมแบ่งปันความรู้
ยินดีเป็นเครือข่ายร่วมพัฒนา กับทุกท่าน
ที่อื่นอาจจะหนาว
แต่ที่เม็กดำร้อนๆๆๆ
"ร้อนวิชา" ต้องเอาหัวใจไปแช่แข็ง
ผ่านมา 5 ปีแล้ว เม็กดำเป็นอย่างไรบ้าง ผู้บริหารยัคงเป็นท่านเดิม หรือเปลี่ยนแปลงไป และมีใครสืบสานงานต่อหรือเปล่า? วานบอก