พึงระวังความคิด และการพูดจา


“ก่อนจะเชื่อ สิ่งใด ให้พิสูจน์ ก่อนจะพูด ให้ยั้งคิด วินิจฉัย ก่อนจะทำกิจการ งานใดใด ให้ดี คิดให้ถ้วนถี่ จึงจะเกิดผลดี ตามมา” เป็นการสอนให้เรามีสติให้รอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ดี ก่อนพูดนั้นเอง

พึงระวังความคิด และการพูดจา
ดร.ถวิล  อรัญเวศ

           มีคำที่ท่านพูดไว้ว่า

           “อยู่คนเรา พึงระวังความคิด

             อยู่ร่วมมิตร พึงระวังการพูดจา”

           นั้น คือ เขาเตือนเราให้ระวัง การคิด และการพูดจา

คิดดี พูดดี ทำดี จะพาชีวีมีสุข คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว จะพาตัวฉิบหาย

           การคิดดี คือ การคิดเพื่อทำประโยชน์ให้กับตนเอง และหรือผู้อื่น จึงเป็นผลให้เกิดการทำดี คิดอย่างรอบคอบ ถูกต้อง ซื่อสัตย์ สุจริต บริสุทธิ์ หนักแน่น ตามความรับผิดชอบของแต่ละบุคคล ตามหน้าที่ของตน ด้วยความรอบคอบ และไตร่ตรองไว้ก่อน...

           การพูดจาสื่อสาร เป็นการนำเอาความคิดสื่อสารออกมาทาง

วาจาหรือคำพูด

          การพูดจาสื่อสาร จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งในการดำเนินชีวิต เหมือนอย่างที่โบราณว่าไว้

         “ปากเป็นเอก เลขเป็นโท

          หนังสือเป็นตรี แต่ชั่วดี เป็นตรา”

        เราลองมาดูว่า 15 วิธีที่พูดดีแล้วจะทำให้ได้ใจคน ดังนี้

 

วิธีที่ 1 พูดด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน

         อย่าพูดยกตน ข่มท่าน เพราะคนเย่อหยิ่งจองหอง ย่อมไม่ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น รวมทั้งสร้างความเบื่อหน่ายให้ผู้อื่นด้วย การแสดงความอ่อนน้อมไม่ใช่เป็นการลดคุณค่าหรือลดเกียรติของเรา หากแต่เป็นสุดยอดวิธีในการแสดงออกทางความคิดและความรู้สึก

 

วิธีที่ 2 รู้จักใช้คำพูดที่ยืดหยุ่น

       การใช้คำพูดที่ไม่ผูกมัดตนเองในภายหลัง เพราะถ้าผู้พูดทำไม่ได้ทำ

หรือทำไม่ได้อย่างที่พูด จะทำให้ตัวเราขาดความน่าเชื่อถือ ไม่มีใครนับถือ ต่อไปจะพูดเจรจาต่อรองทางธุรกิจก็จะไม่ได้รับความไว้วางใจ ไม่ควรใช้คำพูดที่ “ฟันธง” หากควรใช้คำพูดที่ยืดหยุ่นได้ ให้เหลือทางรุกหรือถอยในการเจรจา

 

วิธีที่ 3 พูดผิดพูดใหม่ให้ทันท่วงที

        ความผิดพลาด เป็นของมนุษย์ การให้อภัยเป็นชองเทวดาฟ้าดิน

เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะพบเจอกับสถานการณ์ อาจพลั้งปากไป เมื่อพูดผิดไป ควรรีบพูดใหม่ให้ถูกต้องทันที และถ้าเป็นการพูดในที่สาธารณะต้องขออภัยกับผู้ฟังหรือผู้ชม อย่าอายหรือเขินและประหม่าที่พูดผิด

 

วิธีที่ 4 ใช้คำพูดเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร

         แม้จะมีคำที่ว่า

       “ชีวิตคือการต่อสู้ ศัตรูคือยาบำรุงกำลัง”  แต่ก็ไม่ควรจะไปหาเรื่องกับศัตรู ขอเพียงให้เรามีคำพูดที่น่าฟังแล้วจะมีใครเป็นศัตรูกับเราได้อีก เคยมีคนบอกว่า “จงทำงานในส่วนของตน ไม่ต้องไปใส่ใจศัตรู วันหนึ่งย่อมมีคนอื่นมาจัดการเขาแทนเราเอง”

 

วิธีที่ 5 รู้จักใช้คำพูดชื่นชมผู้อื่น

        พุทธภาษิตว่า  “ข่ม คนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง”

คือให้รู้จักการติชมให้ดี เพราะคำพูดหวานหูจะทำให้คนฟังรู้สึกอบอุ่นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด จะร้อนหรือจะหนาว แต่ในทางกลับกันคำพูดที่ทำร้ายจิตใจคนแม้เพียงประโยคเดียวก็สามารถฆ่าคนได้

 

วิธีที่ 6 พูดแค่สามส่วนก็พอ

       มีสุภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า

“เจอคนให้พูดแค่สามส่วน อีกเจ็ดส่วนไม่จำเป็น”

       คนที่ผ่านโลกมามากจะรู้ว่า การพูดแค่สามในเจ็ดส่วนไม่ได้แปลว่าไม่เปิดเผยหรือไม่จริงใจ แต่ในความจริงคือ ต้องดูว่าผู้ฟังคือใคร เราควรจะเปิดเผยแค่ไหนด้วย ต้องรู้เขา รู้เราด้วย บางครั้งกับบางคนการเปิดเผยทั้งหมดอาจจะทำให้ภัยอันตรายมาถึงตัวเราได้ เพราะแม้คำจริงจะเป็นสิ่งไม่ตาย แต่บางครั้งคนพูดจริงเกินไป ตรงเกินไป อาจถึงตายได้

 

วิธีที่ 7 รู้จักเอาตัวเองมาล้อเล่น

         หากเราสามารถเอาส่วนที่เป็นคำที่น่าขำของตัวเองมาพูด เป็นเรื่องตลกให้คนอื่นได้หัวเราะอยู่เสมอก็จะสามารถ ชนะใจได้รับมิตรภาพจากผู้อื่นอย่างแน่นอน เพราะการที่เราให้ความสําคัญผู้อื่นหัวเราะเยาะตัวเอง ก็เท่ากับ แสดงให้เห็นว่า ท่านมองตัวเองกับผู้อื่นอยู่ในระดับเดียวกัน

 

วิธีที่ 8 ไม่ใช้วาจาแสดงการปฏิเสธผู้อื่น

         มีทักษะในการปฏิเสธ  ถ้าในระหว่างการพูดจา หากใครชอบแสดงท่าทีปฏิเสธไม่รับฟังผู้อื่นอยู่เสมอๆ ก็จะทำให้อีกฝ่ายทนไม่ไหว โกรธหรืออาจทําให้เกิดการปะทะกันทางวาจา หรือใช้กําลังได้

 

วิธีที่ 9 ไม่ใช้คําพูดกระทบกระเทียบ

        มีคำว่า “อยากมีเกียรติ อย่าเหยียดหยามคนอื่น”

       เราอย่าคิดว่าเรื่องหยุมหยิมเล็กน้อยจะไม่สร้างปัญหาใหญ่ได้ ตรงกันข้าม เราควรให้ความใส่ใจโดยเริ่มต้นจาก จุดเล็กๆ สร้างภาพลักษณ์ของตัวเองให้สมบูรณ์พร้อมในทุกด้าน สุดท้าย ต้องฝึกตนให้รู้จักใช้คําพูดที่เหมาะสม

 

วิธีที่ 10 บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องพูดตรงเกินไป

        ไม่ควรเป็นคนเถรตรงเกินไป  ในการพูดจาควรรู้จักคําว่า อ้อมค้อม เรือเดินสมุทรที่สามารถหลบหลีกโขดหินโสโครก จนไป ถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างราบรื่น นั่นก็เป็นเพราะมีความเชี่ยวชาญในการอ้อมนั่นเอง

  

วิธีที่ 11 อย่าใช้คําพูดขวานผ่าซาก ทำร้ายจิตใจผู้อื่น

         คำที่ว่า “ให้เอาใจเขา มาใส่ใจเรา”

        เป็นสิ่งที่เตือนเราให้ระวัง คนอื่นเขาไม่ชอบ เราก็ไม่ชอบ เพราะ

คําพูดตรงไปตรงมา คือมีดที่แหลมคมทำร้ายจิตใจผู้อื่นแล้วยังทำร้ายจิตใจตัวเอง

 

วิธีที่ 12 ไม่พูดมากพร่ำบ่น

       การพูดแบบพร่ำบ่น ไม่ใช่วิธีที่จะแก้ไขปัญหาหรือสถานการณ์ได้ ในบางครั้งอาจยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงไปกว่าเดิม หรื่อทำให้น่าเบื่อ

ไม่น่าฟังนั้นเอง

 

วิธีที่ 13 รู้จักใช้ภาษาท่าทาง

          ควรมีกิริยาท่าทางประกอบการพูด จะดูดี การแสดงออกทางอารมณ์และความคิดที่ปรากฏบนใบหน้าและกิริยาท่าทาง มีพลังมากกว่าการแสดงออกทางคําพูด

 

วิธีที่ 14 พูดคำ “ขอโทษ”

          ผิดแล้วรู้จักขอโทษ ให้เป็น พลั้งปากพูดผิดเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเมื่อพูดผิดไปแล้วมารู้สึกเสียใจภายหลังหาใช่เรื่องสำคัญที่สำคัญก็คือเราจะทำอย่างไรให้ได้ผลเสียอันเกิดจากการพูดผิดไปนั้นลดลงให้เหลือน้อยที่สุด

 

วิธีที่ 15 รู้จัก “ติชม” ดีกว่าชมอย่างเดียว

          เอาแต่ยิ้มแย้มพูดจาให้กำลังใจผู้อื่นอย่างเดียวหาใช่วิธีที่ดีที่สุด บางครั้งบางเวลาในขณะพูดคุยสนทนาถ้าสอดแทรกคำติไปบ้างกลับจะทำให้ผู้อื่นยอมรับได้ง่ายกว่า แต่นั่นไม่ได้แปลว่าต้องติทุกครั้ง หรือชมทุกคน ในกรณีที่มีคำติ บางครั้งอาจจะต้องพูดชมก่อนดีกว่าที่จะตั้งหน้าตั้งตาติอย่างเดียว

 

สร้างนิสัยที่ดี มีสติ คิดก่อนพูด

     มีคำกลอนที่ว่า

      “ก่อนจะเชื่อ สิ่งใด ให้พิสูจน์

        ก่อนจะพูด ให้ยั้งคิด วินิจฉัย

        ก่อนจะทำกิจการ งานใดใด ให้ดี

        คิดให้ถ้วนถี่ จึงจะเกิดผลดี ตามมา”

        เป็นการสอนให้เรามีสติให้รอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ดี

ก่อนพูดนั้นเอง

 

บทสรุป

      คิดดี พูดดี ทำดี จะพาชีวิต มีสุช

      คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว จะพาตัวเราฉิบหาย”

 

 

 

แหล่งข้อมูล

https://www.maruey.com/article/contentinbook/452

http://www.pakornblog.com/course.php#inhouse

 

 

 

 


 

 

 

หมายเลขบันทึก: 693705เขียนเมื่อ 2 ธันวาคม 2021 03:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม 2021 03:24 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท