นี่คือทางเลือกการทำงานของโครงการพัฒนาโรงเรียนทั้งระบบ ในปีที่ ๔ ของ กสศ. ว่าจะเลือกเน้นจัดการโครงการให้ทุน หรือจะเน้นจัดการเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แก่บ้านเมือง ซึ่งที่จริงต้องทำทั้งสองทาง แต่ต้องมีสติว่าจะเน้นด้านไหน เพราะหากไม่ตั้งสติ ก็จะทำงานจัดการโครงการเหมือนสามปีแรก
ผมมีความเห็นว่า ต้องเน้นจัดการความสำเร็จ ไม่หลงเน้นลงแรงเข็นโรงเรียนที่กลไกภายในอ่อนแอ เพราะโรงเรียนเหล่านั้นตกอยู่ใต้วัฒนธรรมเดิมของต้นสังกัด ไม่กล้าหรือไม่ยินดีลุกขึ้นมาดำเนินการเพื่อนักเรียนของตน (ขาดความเป็น agency)
ผมมีความเห็นว่า ในปีที่สี่ กสศ. ต้องเน้นเก็บเกี่ยวผลที่เกิดขึ้นจากงานในสามปีแรก เอามาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของระบบใหญ่ของประเทศ โดยขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากโครงการนำร่องใน ๓ ปีแรก มีการวิจัยหาเหตุผลว่า ความสำเร็จดังกล่าวมาจากปัจจัยสำคัญๆ อะไรบ้าง โรงเรียนที่ประสบความสำเร็จดำเนินการอย่างไร มีข้อมูลหลักฐานยืนยันความสำเร็จอย่างไรบ้าง
กสศ. ต้องพัฒนาทักษะก่อการระบาด (viral) ของการริเริ่มสร้างสรรค์ของโรงเรียน ในการทำงานเพื่อยกระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ของนักเรียน ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผลดี เป็นวิธีที่ได้ผล ในลักษณะสร้างการเปลี่ยนแปลงจากฐาน (bottom-up) หรือจากส่วนปลายของระบบ เอามาสร้างการเรียนรู้เชิงระบบของประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบการศึกษาอันล้าหลังของเรา
เอามาสร้างพลังประชาชน หรือพลังพ่อแม่ผู้ปกครอง เพื่อขับเคลื่อน Education Systems Transformation เพื่อให้หลุดจากการครอบงำของกลุ่มผลประโยชน์ที่แย่งชิงทรัพยากรไปจากเด็ก ตามที่ระบุใน World Development Report 2018 ของธนาคารโลก และผมตีความนำมาเผยแพร่ใน บล็อก ชุด สู่การศึกษาคุณภาพสูง
ต้องมุ่งเรียนรู้จากความสำเร็จ (success story) ใช้พลังของความสำเร็จ มาขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงภาพใหญ่ ของประเทศ นี่คือมุมมองเชิงยุทธศาสตร์ของผม ที่ไม่ทราบว่าเป็นยุทธศาสตร์ที่ถูกต้องหรือไม่
วิจารณ์ พานิช
๔ ต.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น