เวลานอนหลับ ทำไมคนเราจึงฝัน ?
เวลานอนหลับ ทำไมคนเราจึงฝัน ?
ดร.ถวิล อรัญเวศ
เวลาเรานอนหลับ เราจะฝันเห็นสิ่งต่าง ๆ นานา คิดว่าทุกคนคงจะเคยฝันกันมาแล้วทั้งนั้น
ฝันดีบ้าง ไม่ดีบ้าง
คนเราจะนอนประมาณวันละ 6-8 ชั่วโมง และใช้เวลาในการ “ฝัน” เฉลี่ยประมาณคืนละ 2-3 ชั่วโมง อาจจะฝ้นดีบ้าง ไม่ดีบ้าง ปะปนกันไป คืนไหนที่ฝันร้าย ก็ตกใจกลัวจนตื่นมา แต่ถ้าคืนไหนนอนฝันดี ก็อยากจะนอนฝันต่อ
บางคนบอกว่านอนแล้วไม่ฝันอะไร คืนไหนที่ไม่ได้ฝันเลย
มันใช่ไหม ถ้าไม่ฝัน คือเรานอนไม่หลับใช่ไหม หรือว่าถ้าคืนไหน
เรานอนฝันไปต่าง ๆ นานา เรานอนหลับสนิทดี ใช่ไหม ?
เขาบอกว่า คนเรา จะฝันเวลานอนหลับ เสมือนว่ายจิตวิญญาณ
ของเราล่องลอยไปที่ต่าง ๆ ไปโดยไม่ต้อบมียานพาหนะพาไป
หรืออาจจะฝันว่าได้ขี่รถไป เหาะไป เดินไปก็มี ถือว่าเป็น
ความมหัศจรรย์ของยจิตขณะเวลานอนหลับ
เขาบอกว่า คืนไหนเราไม่ได้ฝัน ก็เป็นเพราะเรานอนได้
ไม่นาน เลยจำความฝันไม่ได้ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ นั้นเอง
ความฝัน เป็นเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้นในสมองของมนุษย์ขณะกำลังนอนหลับ เพราะไม่ว่าจะเป็นสถานที่ ผู้คน หรือเหตุการณ์ในความฝัน ผู้ที่ฝันอาจไม่เคยพบหรือประสบกับสิ่งเหล่านั้นมาก่อนในชีวิตจริง และในบางครั้งความฝันที่เกิดขึ้นอาจดูแปลกตาและไกลจากความจริงอย่างสิ้นเชิง ความฝันมักส่งผลต่อความรู้สึกเมื่อตื่นขึ้น ทั้งฝันดีและฝันร้าย ความฝันจึงอาจเป็นเรื่องที่หลายคนสงสัยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ความฝันนั้นเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในขณะหลับ เป็นภาวะที่สมองฉายภาพของสิ่งต่าง ๆ ทั้งสิ่งที่มีอยู่จริงและสิ่งที่เกิดขึ้นจากจินตนาการ เรื่องราวในความฝันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างไม่แน่นอน ไม่ต่อเนื่อง คาดเดาไม่ได้ และไม่มีเหตุผล ในปัจจุบันนักวิจัยยังไม่สามารถระบุข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับความฝันได้ทั้งหมด แต่ก็มีทฤษฎีและความเชื่อเกี่ยวกับความฝันอยู่ไม่น้อย
นอกจากนี้แล้ว ความฝัน มีคนเล่ากันมาว่า คำว่า "ฝัน" มาจากคำเก่าในภาษาอังกฤษ ซึ่งมีความหมายว่า ความยินดี และเสียงดนตรี ความฝันของคนเรามักจะรวมถึงรูป รส กลิ่น เสียง และสิ่งที่เราสัมผัสได้ บางครั้งเราอาจฝันเรื่องเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมักไม่ใช่เรื่องที่น่าประทับใจนัก หรืออาจจะเป็นฝันร้าย หรือแม้แต่เรื่ององที่น่ากลัวก็เป็นได้
ในบางครั้ง บรรดาศิลปิน และนักเขียน บอกว่าพวกเขาได้แนวคิดต่าง ๆ จากความฝัน ตัวอย่างเช่นนักร้องที่ชื่อ Paul McCartney แห่งวง The Beatles ที่เล่าว่า ในวันหนึ่งเขาตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงดนตรีของเพลง "Yesterday" อยู่ในหัวของเขา ส่วนนักเขียน Mary Shelley บอกว่า เธอมีความฝันที่รุนแรง เกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ ที่ใช้เครื่องจักรทำให้สัตว์โลกชนิดหนึ่งคืนชีพได้ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา จึงเริ่มเขียนหนังสือเกี่ยวกับนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อ "Frankenstein" ที่สร้างให้สัตว์ประหลาดมาต่อสู้กัน
ผู้คนต่างพยายามทำความเข้าใจกับความฝัน มาเป็นเวลานานนับพันปี ชาวกรีก และโรมันโบราณ เชื่อกันว่า ความฝันคือสารจากพระเจ้า ในบางครั้ง คนที่สามารถเข้าใจความฝัน อาจสามารถช่วยกองทัพในสมรภูมิได้
ส่วนสำหรับชาวอียิปต์โบราณ เชื่อกันว่าผู้ที่เข้าใจความฝัน คือบุคคลพิเศษ ในประเทศจีน เชื่อกันว่าความฝัน คือหนทางไปเยือนสมาชิกในครอบครัวผู้ล่วงลับไปแล้ว ชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันบางชนเผ่า และชาวเม็กซิกันที่เจริญแล้ว เชื่อว่า ความฝันคืออีกโลกหนึ่ง ที่เราไปเยือนในยามหลับ และในยุโรป ผู้คนเชื่อกันว่า ความฝันคือสิ่งชั่วร้าย และอาจชักนำให้คนหันไปทำสิ่งเลวร้ายได้
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สองนักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสียง ได้พัฒนาแนวคิดต่างๆ เกี่ยวกับความฝัน ในปีคริสต์ศักราช 1900 Singmund Freud นักจิตวิทยาชาวออสเตรีย ได้ตีพิมพ์หนังสือที่มีชื่อว่า "The Interpretation of Dreams" หรือการตีความเกี่ยวกับความฝัน เขาเชื่อว่าคนเรามักจะฝันถึงสิ่งที่ตนต้องการ แต่ไม่อาจครอบครองได้ และความฝันเหล่านี้มักจะโยงไปถึงเรื่องเพศสัมพันธ์ และความก้าวร้าวรุนแรง
ซิกมันต์ ฟรอยด์ ให้แนวคิดไว้ว่า ความฝันเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนเร้น เขาเชื่อว่าความฝันอาจเป็นหนทางสำคัญ ในการช่วยให้เข้าใจสิ่งต่างอๆ ที่เกิดขึ้นในสมองของคนเรา เขาบอกอีกว่า ความฝันคือหนทางในการช่วยแก้ไขปัญหา และช่วยให้สามารถเข้าใจความวิตกกังวลต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น เวลาที่คนเราฝันว่ากำลังบินอยู่ หรือกำลังนั่งชิงช้าแกว่งไปมา นั่นหมายถึงว่า พวกเขาต้องการที่จะเป็นอิสระจากเรื่องราวในวัยเด็กของพวกเขา
ส่วนผู้ที่ฝันว่าพ่อแม่ หรือพี่น้องเสียชีวิต ฟรอยด์เชื่อว่าผู้ที่ฝัน กำลังซ่อนความรู้สึกเกลียดชังต่อคน ๆ นั้น หรืออยากได้ในสิ่งที่คนเหล่านั้นมีอยู่
Carl Jung นักจิตวิทยาชาวสวิส ผู้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับ Sigmund Freud เป็นเวลานานนับปี แต่กลับพัฒนาแนวคิดเกี่ยวกับความฝันที่แตกต่างออกไป Jung เชื่อว่า ความฝันอาจช่วยให้คนเราเติบโต และเข้าใจในตัวเองมากขึ้น เขาเชื่อว่าความฝันจะบ่งบอกทางแก้ไขปัญหา ที่คนเราต้องเผชิญในยามตื่น นอกจากนี้เขายังเชื่อว่าความฝันบ่งบอกถึงตัวตนของคนเรา และความสัมพันธ์ที่เรามีต่อผู้อื่น แต่เขาไม่เชื่อว่า ความฝันซ่อนเร้นความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องเพศสัมพันธ์ หรือความก้าวร้าวรุนแรง
บรรดานักวิยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาวิจัยอย่างเอาจริงเอาจัง เกี่ยวกับความฝีน สมาคมการศึกษาเรื่องความฝันนานาชาติ จัดการประชุมขึ้นเป็นประจำทุกปี และสำหรับปีนี้ การประชุมจะมีขึ้นในเดือนนี้ ที่นครชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ ศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลีย Robert Moss จะชี้แจงว่าความฝันต่างๆ มีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์อย่างไรบ้าง ตัวอย่างเช่น Harriet Tubman ที่สามารถช่วยทาสชาวอเมริกัน ให้หนีเป็นอิสระได้ เพราะเธอฝันเห็นตัวเองบินได้เหมือนนก และศาสตราจารย์ Robert Moss ยังเป็นหลักสูตรสอนให้คนเข้าใจความฝันทางอินเตอร์เนตด้วย
นักวิจัย Rosalind Cartwright กล่าวว่า นี้การศึกษาเกี่ยวกับความฝันกำลังเปลี่ยนไป เพราะปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์หันไปศึกษาว่า ทำไมคนบางคนจึงมีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับกันมากขึ้น เธอบอกว่า สำหรับผู้ที่นอนหลับสนิท ความฝันช่วยให้พวกเขาสามาถควบคุมอารมณ์ในระหว่างวัน นักวิจัยกำลังพยายามที่จะทำความเข้าใจว่า ความฝันมีความสำคัญต่อผู้ที่นอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ ในตอนกลางคืน อย่างไรบ้าง?
นอกจากนี้ยังมีนักวิจัยอีกหลายคน ที่กำลังศึกษาว่า ความฝันสามารถช่วยให้คนเรารับมือกับปัญหาต่าง ๆ ความเศร้า และอารมณ์ของคนเราได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์หลายๆ คนเชื่อว่า การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับความฝันเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
มาจนถึงบัดนี้ เป็นเวลากว่าร้อยปีมาแล้ว ที่ Sigmund Freud ตีพิมพ์หนังสือเล่มสำคัญเกี่ยวกับความฝันของเขา แต่ยังคงไม่มีบทสรุปว่าสมองของคนเรา ทำงานอย่างไร ในขณะที่นอนหลับฝัน และทำไมคนเราถึงนอนหลับฝัน
เหตุที่คนเราฝันเวลานอนหลับ เป็นเพราะอาการแสดงออกของจิตใต้สำนึก ความนึกคิด ความรู้สึก และเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในสมอง ในขณะที่เรากำลังนอนหลับอยู่ เพราะเวลาเรานอนหลับ จะเป็นกระบวนการทางสมอง เป็นจิตใต้สำนึก เหมือนกับได้ระบายความเครียดก็ว่าได้ เพราะถ้าคืนไหนเราฝันดี เราก็จะมีความสุขนอนเย็นหัว สบายดี แต่ถ้าคืนไหนเราฝันไม่ดี เราก็จะตกใจกลัวสะดุ้งกลัวจนตื่นขึ้นมา เช่น ฝันว่า เห็นผีไล่จะทำร้ายเราอย่างนี้หรือฝันเห็นสัตว์ร้าย เช่น เสือไล่กัด เป็นต้น
ฉะนั้น เวลาก่อนจะนอน เขาจึงแนะนำให้เราไหว้พระสวดมนต์ย่อ ๆ ตั้งนโม 3 จบ แล้วสวดมนต์ในใจหรือพูดออกมา ก็ได้
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมะชามิ
สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ
แล้วนั่งสมาธิ ประมาณ 3-5 นาที แล้วนอน
จะทำให้เรานอนหลับดี ฝันดี ภูตผี ปีศาจ ก็จะไม่มารังควน
ฝันแล้ว นำมาทำนายโชค หรือใบ้หวยได้ไหม ?
บางคนฝันดี ฝีนมั่งฝันมี ฝันจนเป็นเศรษฐีก็มี เพราะฝันเห็น
เลขเด็ด ๆ จนเอามาทำนายฝัน และไปซื้อลอตเตอรี่ หรือ
สลากกินแบ่งรัฐบาล ถูกก็มี ไม่ถูกก็มี บางคนถูกติดต่อกัน
หลายงวดก็มี ถ้าใครถูก ให้ทำบุญ บุญจะหนุนส่งต่อ อาจจะ
ทำบุญตักบาตร หรือเลี้ยงเพื่อนฝูง กินข้าวกันหรือกินชา กาแฟ
ขนม นมเนย พอหอมปากหอมคอ
คำแนะนำในการทำนายฝันเกี่ยวกับหวย เพื่อให้การทำนายแม่นยำ ถูกต้อง คนเขาเคยถูก เขาแนะนำว่า ควรตั้งจิตอธิษฐาน คิดแต่สิ่งดี ๆ ก่อนนอน สวดมนต์ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้วายชนม์ หรือผู้ตาย อาจจะเป็นมารดา บิดา หรือญาติสนิทมิตรสหาย หรือใคร ๆ ก็แล้วแต่ที่เราตั้งใจจะอธิษฐานจิตไปถึง
ในการทำนายฝันเกี่ยวกับหวย มีคนเล่าต่อ ๆ กันมา ดังนี้
1. ให้นำอักษรย่อของสิ่งที่เราฝันเห็นมาทำนาย เช่น ฝันว่า
ได้ปลาสองตัว ปลา 8 สองตัว ก็ 82
ฝันได้กุ้งสามตัว กุ้ง ก็ 9 สามตัว ก็ 93 เป็นต้น
หรือฝันว่าได้กุ้งตาย กุ้งเน่า ก็ 91อ
2. ฝันเห็นเพื่อนมาหา ก็ลองพิจารณาดูเกี่ยวกับเพื่อนเรา เช่น
อายุเพื่อน กี่ปี หรือบ้านเลขที่ของเพื่อน เลขอะไร ทำนองนี้
3. ฝันเห็นรถ หรือรถถูกชน ก็ให้ดูทะเบียนรถ ว่าทะเบียนเลขท้ายเป็นเลขอะไรเช่น 4493
หรือ 6967 ทำนองนี้ บางคนแนะนำว่า ให้ลดลงมาด้วยเวลาซื้อ เช่น 4493
ก็อาจจะซื้อ 4492 หรือ 6967 ก็อาจจะซื้อ 6966 ทำนองนี้
บางคนเชื่อขนาดว่า ผีบอกหน คนบอกขึ้นก็มี แล้วแต่จะ
ทำนายหรือแทงเอา
4. ฝันเห็นอวัยวะเพศหญิง น่าจะเป็น 6 หรือ 5 เช่น 63 53
อวัยวะเพศชาย น่าจะเป็น 10 หรือ 01 ทำนองนี้
ครับ สิ่งที่ล่ามาเป็นเพียงความเชื่อ หรือความนึกคิด คาดคะเน
เท่านั้น อาจจะไม่จริง หรืออาจจะจริง ถ้าครั้งไหนจริง ก็ถือว่าเป็นบุญของเรา
ถ้าไม่จริงก็ถือว่าผลบุญเรายังไม่อำนวยผลให้ ก็ให้ตั้งใจทำความดีต่อไป เพราะ
คำว่าหวย มาจากคำว่า ห หายนะ ว วอดวาย ย ยับเยิน ท่องให้ขึ้นใจว่า หวย หายนะ วอดวาย ยับเยิน
สรุป
ความฝัน คือกระบวนการทำงานของจิตใต้สำนึกขณะเรากำลังนอนหลับ เหตุที่คนเราฝันเวลาเวลานอนหลับ โดยได้ฝันเห็นสิ่งต่าง ๆ นานา เพราะว่าเชื่อกันว่า เมื่อเรานอนหลับ จิตวิญญาณของเราเสมือนว่าล่องลอยออกจากร่างกายของเราไปท่องเที่ยวยังที่ต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเคยเห็น หรือไม่เคยเห็นมาก่อนก็มี บางครั้งถ้าเรานึกถึงสิ่งใดบ่อย ๆ ก็มักจะไปเข้าฝันก็ได้ เช่น คิดถึงพ่อแม่ เพื่อน ๆ หรือคนรัก ก็อาจจะไปเข้าฝันเวลาเรานอนหลับ สำหรับฟรอยด์แล้ว ความฝันเต็มไปด้วยความหมายที่ซ่อนเร้น เขาเชื่อว่าความฝันอาจเป็นหนทางสำคัญในการช่วยให้เข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสมองของคนเรา เขาบอกอีกว่า ความฝันคือหนทางในการช่วยแก้ไขปัญหา และช่วยให้สามารถเข้าใจความวิตกกังวลต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น เวลาที่คนเราฝันว่ากำลังบินอยู่ หรือกำลังนั่งชิงช้าแกว่งไปมา นั่นหมายถึงว่า พวกเขาต้องการที่จะเป็นอิสระจากเรื่องราวในวัยเด็กของพวกเขา Sigmund Freud ตีพิมพ์หนังสือเล่มสำคัญเกี่ยวกับความฝันของเขา แต่ยังคงไม่มีบทสรุปว่าสมองของคนเรา ทำงานอย่างไร ในขณะที่นอนหลับฝัน และทำไมคนเราถึงนอนหลับฝัน บางคนมีความเชื่อในความฝันถึงกับนำมาทำนายโชค หรือหวยก็มี อาจจะถูกบ้า ไม่ถูกบ้างแล้วแต่โชค หรือบุญกรรมที่เราได้สร้างสมเอาไว้ ไม่ควรหมกมุ่นหรือจริงจังจนเกินไปเพราะคำว่า “หวย” มีคนให้คำนิยามว่า ห หายนะ ว วอดวาย และย ยับเยิน เวลาก่อนนอน ถ้าอยากฝันดี เชื่อกันว่าควรไหว้พระสวดมนต์ย่อ ๆ ตั้งนโม 3 จบ แล้วสวดมนต์ในใจหรือพูดออกมา ก็ได้
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อภิวาเทมิ
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมะชามิ
สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ
แล้วนั่งสมาธิ ประมาณ 3-5 นาที แล้วนอน
จะทำให้เรานอนหลับดี ฝันดี ภูตผี ปีศาจ ก็จะไม่มาทำร้ายเนสได่
สุดท้ายขออานุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายได้โปรดดลบันดาลประทานพรให้ท่านมีสุขกาย สุขใจคิดสิ่งใดให้สมหวังดั่งใจคิด และปลอดโรคร้าย โดยเฉพาะโควิด-19 ตลอดไปจนทุกภพทุกชาติ เทอญ
สวัสดี
แหล่งข้อมูล
https://www.voathai.com/a/a-47-2009-06-06-voa1-90653159/923157.html
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น