การประชุมสภา มวล. เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.49 กระตุกใจให้ผมเขียนบันทึกนี้
สภา มวล. พิจารณาสถานภาพทางการเงินของมหาวิทยาลัย มีการวิเคราะห์ให้เห็นภาพฐานะทางการเงิน ความมั่นคง การใช้สินทรัพย์ให้เกิดประโยชน์ ความคุ้มค่าในการดำเนินการ ฯลฯ แสดงภาพเปรียบเทียบระหว่างปี 2548 & 2549 น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ผมคิดว่าวิธีคิดที่นำเสนอนี้ เป็นวิธีคิดในกรอบกระบวนทัศน์ธุรกิจ ไม่ใช่กรอบกระบวนทัศน์อุดมศึกษา และจริง ๆ แล้วในประเทศไทยไม่มีฐานคิดเชิงกระบวนทัศน์ว่าด้วย "สินทรัพย์" ของสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งน่าจะมี "สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้" (intangible assets) มากกว่า "สินทรัพย์ที่จับต้องได้" (tangible assets) หลายเท่า
ประเทศไทยเราน่าจะได้พัฒนากระบวนทัศน์ว่าด้วยสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ของระบบอุดมศึกษา พัฒนาวิธีการจัดการ "แปลงสินทรัพย์เป็นทุน" ของสถาบันอุดมศึกษา นำเอาสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้มาสร้างคุณค่าและมูลค่าสำหรับทำประโยชน์ให้แก่ประเทศ
สภามหาวิทยาลัยที่อยู่นอกระบบราชการ น่าจะต้องพิจารณา "ฐานะของสินทรัพย์" ของมหาวิทยาลัยทุกปี คือไม่ใช่พิจารณาแค่ฐานะทางการเงิน
ท่าน รมต. ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เห็นด้วยกับการพัฒนาแนวคิดและวิธีการจัดการสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ของมหาวิทยาลัย โดยท่านเสนอว่า "สินทรัพย์นามธรรม" นี้ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบคือ
- ทุนความรู้ (knowledge capital)
- ทุนสังคม (social capital)
- ทุนคุณธรรม (moral capital)
คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ สนใจเรื่องนี้มาก รับจะประสานงานการพูดคุยกันเพื่อพัฒนาแนวคิดนี้ขึ้นในประเทศไทย
ใครรู้จักนักวิชาการที่มีความรู้และประสบการณ์ในการคิดคำนวณหรือจัดการสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ กรุณาแนะนำตัวให้ผมด้วย เราจะติดต่อเชิญมาเสวนาหาทางขับเคลื่อนเรื่องนี้ขึ้นในสังคมไทยครับ
วิจารณ์ พานิช
23 ธ.ค.49
จะมีสินทรัพย์ มากน้อย ก็ต้องมี(มาตรฐาน)บัญชีลงบันทึก ทั้งส่วนที่ออกดอกผลเอง จาก ผลงานที่แพร่เชื้อไปแล้ว ( impact factor ? ) และ ที่สะสมเพิ่มใหม่
สินทรัพย์ทั้ง ครุภัณฑ์ ( กลุ่มสามัคคีธรรม ที่ลปรร ) และ ละมุลภัณฑ์ ( กลุ่มหน่ออ่อนที่ยังไม่แข็งแรง )
หรือ ความคิดดีๆ ที่นำสังคมได้ เสริมพลังชุมชนได้พอสมควร แต่อาจจะถามจากลูกค้าตัวจริง เช่น บัณฑิต ชุมชนใกล้เคียงใกล้ชิด มวล. ว่า เขารับรู้ถึงบทบาทตรงนี้ของ มวล อย่างไร