หนังสือ พลวัตกลุ่มทุนการเมืองในภาคเหนือของประเทศไทย : การเปลี่ยนทุนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมให้เป็นทุนการเมือง (พ.ศ. ๒๔๗๕ - ๒๕๖๐) เขียนโดย ดร. ชัยพงษ์ สำเนียง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยชุด ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยในปริทรรศประวัติศาสตร์ ที่มี ดร. วินัย พงศ์ศรีเพียร เป็นหัวหน้าโครงการ เป็นเอกสารลำดับที่ ๒๑
ชื่อหนังสือบอกอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของปฏิสัมพันธ์ระหว่างทุนวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง โดยที่ดั้งเดิมจ้าวนายฝ่ายเหนือยึดครอง ต่อมานักธุรกิจค่อยๆ เติบโต และเข้าไปยึดฐานทางการเมืองเพื่อหาทางเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของตน โดยที่ลูกหลานของจ้าวนายฝ่ายเหนือก็มีการปรับตัว สร้างทุนเศรษฐกิจและทุนความรู้ขึ้นมาใช้สร้างทุนการเมืองด้วย อ่านแล้วเห็นภาพหรือเรื่องราวที่เชื่อมโยงกับชีวิตคนจริงๆ และเห็นการเอื้อประโยชน์ระหว่างทุนธุรกิจ กับทุนการเมือง
ความสนุกอยู่ที่มีเรื่องราวในชีวิตของนักการเมืองเด่นๆ ทั้งในอดีตและในปัจจุบัน เช่นนายบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ นายณรงค์ วงศ์วรรณ นายสุกิจ นิมมานเหมินท์ เรื่องราวของตระกูลนิมมานเหมินท์-ชุติมา นายไกรสร ตันติพงศ์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ตระกูลบูรณุปกรณ์ ตระกูลชินวัตร เป็นต้น
สรุปได้ว่า ทุนการเมืองไทยเป็น “ทุนนิยมแอบอิง” หรือระบบอุปถัมภ์ ไม่ใช่ “ทุนนิยมเสรี” อย่างแท้จริง มีทุนสายโลหิต ทุนสายสัมพันธ์ ทุนสถานะในสังคม และทุนปัญญาเป็นตัวประกอบ โดยแน่นอนว่าทุนเงินเป็นทั้งเครื่องมือทางการเมือง และเป้าหมายทางเศรษฐกิจและการเมือง
ระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทยถูกกระตุ้นให้เติบโตขึ้นในยุคทักษิณ ชินวัตร ผ่านการเมืองแบบประชานิยม สร้าง “ระบบอุปถัมภ์ใหม่” ขึ้นในชนบท ที่ชาวบ้านมุ่งรอรับอุปถัมภ์จากรัฐเพียงฝ่ายเดียว (หน้า ๑๔๘) นี่คือการ “แปรนโยบายเป็นทุน” (หน้า ๑๓๘) ซึ่งทุนในที่นี้คือทุนทางการเมือง นโยบายประชานิยมที่จี้ถูกจุดความต้องการของชาวบ้าน ทำให้คุณทักษิณได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลายมากว่า ๒๐ ปี น่าเสียดายที่ท่านขาดทุนความซื่อสัตย์เห็นแก่ส่วนรวมอย่างแท้จริง (๑)
ผู้เขียน (ดร. ชัยพงษ์ สำเนียง) ไม่ได้นิยามคำว่า “ทุน” และเน้นที่ “กลุ่มทุน” มากกว่าเรื่อง “ทุน” แต่ผมสนใจเรื่อง “ทุน” มากกว่า และอยากรู้ว่า การเมืองเชื่อมโยงกับ “ทุน” ในลักษณะใดบ้าง เห็นได้ชัดเจนว่า มีมากกว่าทุนที่เป็นเงิน แต่ทุนที่เป็นเงินจำนวนมหาศาลอย่างที่คุณทักษิณมี ก็มีพลังอำนาจสูงมาก หากใช้เป็นอย่างที่คุณทักษิณใช้
ข้อเขียนชี้ว่า ในช่วง ๒๐ ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในสังคมไทยด้านการตระหนักรู้ในพลังของตน ในส่วนประชาชนทั่วไปที่เป็นคนชั้นกลางและล่าง ว่าตนมีพลังการเมืองอยู่อย่างชอบธรรม ในการปกครองประเทศระบอบประชาธิปไตย คนเหล่านี้รู้ทันว่าระบบการเมืองแบบเก่าเอื้อผลประโยชน์แก่กลุ่มผู้ครองอำนาจเก่า พรรคของคุณทักษิณจึงผงาดขึ้นมา และในช่วงหลังพรรคทางเลือกใหม่จึงดึงดูดคะแนนเสียงได้มากอย่างน่าตกใจ
การเมืองมีพลวัต ที่ผ่านมาเปลี่ยนผ่านจากรัฐราชการ สู่ธนกิจการเมือง มีการสร้างระบบอุปถัมภ์ใหม่โดยกลุ่มทักษิณ มีการเมืองระดับชาติ กับระดับท้องถิ่น ที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกัน สังคมก็มีพลวัต มีทวิลักษณ์ของเมือง-ชนบท มีการเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์จากแนวดิ่ง สู่แนวราบ มากขึ้น
ในระดับภาค กลุ่มทุน กับ กลุ่มการเมือง เป็นกลุ่มเดียวกัน
ขอขอบคุณ ดร. ชัยพงษ์ สำเนียง ที่กรุณามอบหนังสือเล่มนี้
วิจารณ์ พานิช
๒ ก.ค. ๖๔
ไม่มีความเห็น