๑,๒๒๗ ต้นกล้าของยาย


ตอนบ่าย..ผมเปิดน้ำเข้านา แล้วเดินย่ำไปบนท้องนาที่มีแต่โคลน พบปลาตะเพียนตัวใหญ่สงสัยเป็นลูกปลารุ่นที่ปล่อยลงสระเมื่อ ๖ เดือนก่อน มันคงหลงระเริงน้ำฝนในช่วงที่ฝนตกหนัก

         ทุกอย่างมันลงตัวและประจวบเหมาะกันพอดิบพอดี ผมบริหารจัดการไถนาในโรงเรียน ที่มีพื้นที่อันน้อยนิด เสร็จได้ภายใน ๓๐ นาที หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ฝนก็เทลงมาอย่างหนัก

          น้ำฝนท่วมบริเวณโรงเรียนอยู่พักใหญ่ เพื่อรอการระบาย ที่สุดแล้วก็ไหลไปรวมกันที่แปลงนาและไหลเลยไปลงสระโรงเรียนจนเต็ม เกือบจะล้นออกมาจากคันกั้นน้ำ

          นาทีนั้น..ผมตัดสินใจทำนาที่เรียกว่า”นาดำ” ทำไม่เหมือนชาวบ้านในชุมชน ที่ส่วนใหญ่คาดเดาว่าร้อยละ ๙๐ เขาจะทำแบบนาหว่าน

          ผมไม่ชอบนาหว่าน มันดูง่ายเกินไป และเข้าไม่ถึงคุณค่าของกระบวนการผลิต “ข้าว” ของดีมีประโยชน์ขนาดนี้ ต้องใช้เวลาและต้องออกกำลังกันหน่อย

          ผมมีพันธุ์ข้าวอย่างดี เตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อย แต่คิดว่าน่าจะไม่ทันการเพราะฝนตั้งเค้ามืดครึ้มมาทุกวันแบบนี้ ทำอะไรได้ต้องรีบทำ ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อนๆ หรือว่าผมเองนั่นแหละที่ใจร้อนไปเอง

          ใช้วิธีประกาศทางไลน์กลุ่ม “ผู้ปกครอง”บอกไปว่า..”ใครมีต้นกล้าบ้าง หรือทราบไหมว่าบ้านไหนมีบ้าง ผมจะขอ(ซื้อ)สัก ๒๐ กำ จะนำมาดำนาในวันจันทร์นี้...”

          เงียบ...ไม่มีสัญญาณตอบรับแต่อย่างใด มันก็ไม่แปลก ก็เขาทำนาหว่านกัน แล้วก็หว่านกันไปได้หลายวันแล้วด้วย...เพราะชาวนา..จะรู้จังหวะของการทำนาได้เป็นอย่างดี

          อย่ากระนั้นเลย เตือนตัวเองไว้ “ต้นกล้าไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง” ผมจัดการหาไม้มาวางในนาเป็นสี่เหลี่ยมกั้นเป็นคอก จากนั้นก็ระบายน้ำออกจากนา ถ้าน้ำออกไปจากบริเวณที่กั้นคอก ผมจะย่ำดินให้เละแล้วหว่านข้าวเปลือกลงไปเพื่อเพาะต้นกล้า แค่นี้ก็จบ

          แต่แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าน้ำฝนที่ท่วมขังอยู่ในนา จะไม่ยอมออกจากนา ผมต้องปล้ำอยู่พักใหญ่ก็ไม่ยอมออก ผมหอบจนลิ้นห้อย แต่ยังพอมีเรี่ยวแรงเดินสำรวจปัญหาและอุปสรรค

          จึงพบว่า...น้ำในสระโรงเรียนกับน้ำฝนในนา มีระดับที่เท่ากัน ไม่มีทางที่น้ำจะระบายได้เลย ผมจึงต้องพักไว้ก่อน หันไปทำอย่างอื่น แต่เป็นเรื่องเดียวกัน คือเตรียมเพาะกล้าในถาดหลุม เผื่อจะได้การดำนาและนาโยนไปพร้อมๆกัน...

          กลับบ้านด้วยความสบายใจ เพราะถึงอย่างไร กิจกรรมทำนาในสถานการณ์โควิด รอบ ๓ ปี ๒๕๖๔ ก็มีความคืบหน้าอยู่พอสมควร

         เสียงโทรศัพท์จากผู้ปกครองดังขึ้นในช่วงเวลาที่กินข้าว “หนูอ่านไลน์ผอ.เห็นว่าต้องการต้นกล้า ที่บ้านยายหนูมี เดี๋ยวหนูติดต่อให้นะคะ”

          ครับ ขอบคุณมากนะครับ บอกยายด้วย ผอ.ขอซื้อ ๒๐ กำ ครับ

          “ยายหนูมีเยอะ ยายคงไม่ขายหรอกค่ะ” 

          ในช่วงสายของวันนี้...ยายขับซาเล้งบรรทุกกำต้นกล้าขนาดใหญ่มาให้ ๒๐ กำ ยายจัดวางแช่น้ำให้ด้วย และยังบอกอีกว่าครูจะดำนาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ต้องแช่น้ำไว้ก่อน ไม่พอก็ไปเอาอีกนะ

          ผมบอกยายไปว่า..ตอนเย็นผมจะไปโคกหนองนาซึ่งอยู่ติดกับบ้านยาย เพื่อจะเอาตังค์ไปให้ยายบอกไม่เป็นไร...ยายอยากให้โรงเรียนอยู่แล้ว...

          ตอนบ่าย..ผมเปิดน้ำเข้านา แล้วเดินย่ำไปบนท้องนาที่มีแต่โคลน พบปลาตะเพียนตัวใหญ่สงสัยเป็นลูกปลารุ่นที่ปล่อยลงสระเมื่อ ๖ เดือนก่อน มันคงหลงระเริงน้ำฝนในช่วงที่ฝนตกหนัก

ผมคิดว่าวันนี้โชคดีที่ได้ต้นกล้า ปลาก็น่าจะโชคดีเหมือนกัน ว่าแล้วผมก็นำมันไปปล่อยลงสระใหญ่

        ก่อนกลับบ้าน..ไปโคกหนองนา แวะบ้านยาย เพื่อจ่ายค่าต้นกล้า ๒๐ กำ ตั้งใจจะให้ยายสัก ๓๐๐ บาท อย่างน้อยก็เป็นค่าเมล็ดพันธุ์ แบบที่ว่าผมไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรเลย

          ผมเห็นยายกำลังเลี้ยงหลาน ๓ คน ซึ่งก็เป็นลูกศิษย์ผมเองนั่นแหละ ใกล้ๆกับยายมีคนป่วยติดเตียงที่ยายต้องดูแล ผมรีบยื่นแบ๊งค์ ๕๐๐ บาทให้ยาย 

          “ยายไม่ต้องทอนนะ ขอบคุณมากครับ”

ชยันต์  เพชรศรีจันทร์

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

 

 

 

 

 

          

หมายเลขบันทึก: 691564เขียนเมื่อ 17 กรกฎาคม 2021 19:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 ตุลาคม 2021 20:12 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท