ซื่อเป็นแมวนอนหวด
สำนวน ซื่อเป็นแมวนอนหวด หมายถึง มองดูซื่อแต่ซ่อนความเจ้าเล่ห์หรือความปราดเปรียวไว้ภายใน มักใช้เป็นคำพูดในเชิงประชดประชัน สำนวนนี้ให้ข้อคิดว่าคนเราจะมองคนแค่เพียงภายนอกไม่ได้ ต้องมองกันให้ลึกซึ้งถึงภายในใจ จะต้องไม่เชื่อใจใครง่ายๆและต้องมองให้นานๆ จึงจะรู้ความจริงว่าเขาคนนั้นเป็นคนอย่างไร เหมาะจะคบหาสมาคมด้วยหรือไม่ ถ้าเป็นคนประเภท "ซื่อเป็นแมวนอนหวด" แนะนำให้หลีกให้ไกลจะดีที่สุด เพราะว่าไว้วางใจไม่ได้ อาจจะนำเรื่องเดือดร้อนมาให้เราได้
ปกติแมวจะมีอาการซึมเซาง่วงนอนในเวลากลางวัน และมักจะนอนขดอยู่ในที่แคบๆ เช่นในหวด ในซอกตู้ หรือในกล่อง ทั้งนี้เพราะการนอนในพื้นที่แคบไม่กว้างมากนักจะทำให้แมวรู้สึกผ่อนคลาย แมวจะนอนนานถึงวันละ 16 ชั่วโมง เพื่อที่จะเก็บพลังงานเอาไว้ใช้ล่าเหยื่อ แต่พอถึงเวลากลางคืน แมวก็จะปราดเปรียวว่องไว เพราะเป็นเวลาออกหากิน เวลาแมวนอนในหวดตัวจะแข็งพลิกตัวไม่ได้ด้วยความจำกัดของพื้นที่ ดูเหมือนว่าแมวเชื่อง แต่ความจริงแมวก็ยังฉลาดปราดเปรียวและเจ้าเล่ห์ตามนิสัยของมัน
หวด คือ ภาชนะสานสำหรับใช้นึ่งข้าวเหนียว นึ่งถั่วเขียวเพื่อนำมาทำขนม นึ่งผัก นึ่งปลา หรือจะนึ่งขนมก็ได้ แต่ส่วนมากคนอีสานจะนิยมใช้นึ่งข้าวเหนียวมากกว่า
จากหวดสำหรับนึ่งข้าวเหนียวเป็นที่มาของงานบุญใหญ่ เดือน 7 ซึ่งเรียกกันว่างานบุญหลวง จัดขึ้นที่วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย โดยคนทรงประจำเมืองจะเป็นผู้เลือกวันจัดงานในแต่ละปี จะจัดขึ้นเป็นเวลา 3 วัน มีกิจกรรมต่างๆเช่น การเทศน์มหาชาติ การทำบุญพระธาตุศรีสองรัก ในขบวนแห่งานบุญหลวงจะมีผู้คนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสและสวมหน้ากากที่น่าเกลียดน่ากลัว ที่ประดิษฐ์จากหวดนึ่งข้าวเหนียว เราจะเรียกกันว่า "ผีตาโขน"
มีความเชื่อกันว่าการแห่ผีตาโขนเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรีจะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง บรรดาผีป่าและสัตว์นานาชนิดมีความอาลัยรัก จึงพากันแห่แหนแฝงตัวมากับชาวบ้านเพื่อมาส่งพระเวสสันดรและนางมัทรีกลับเมือง เรียกว่า"ผีตามคน" หรือ " ผีตาขน" และค่อยๆกลายมาเป็น "ผีตาโขน" ในปัจจุบัน
ขอบคุณภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ตและพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน
ไม่มีความเห็น