ใคร่ครวญไม่หมดไฟ


ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ผมได้สะสมความตึงเครียดทางอารมณ์ (เบื่องานเอกสาร มีแต่ระบบตรวจสอบคุณภาพงาน โดนตัดสินให้แก้ไขไม่จบสิ้น) จนเข้าสู่ความอ่อนล้าทางจิต (เขียนงานให้คนอื่นอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่อยากเขียน รู้สึกไม่มีคุณค่า คิดไปเองว่าไม่มีใครไว้ใจให้ทำงานด้วย) แล้วนำพาให้หมดใจและเริ่มนอนไม่หลับ ไม่อยากออกกำลังกาย ทานอาหารเต็มที่จนอ้วนขึ้น อยากลาออกจากงานที่เคยรัก (ทำแต่งานเอกสาร ไม่ได้ทำงานสร้างสรรค์) ทำให้เรียนรู้ว่า "ผมกำลังรับรู้สึกภาวะหมดไฟในการทำงาน” แม้ว่าจะกำลังทำวิจัยและพัฒนางานทดสอบสมองเพื่อประเมินภาวะหมดไฟในผู้บริหารอยู่ในขณะนี้ก็ตาม

เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป … เดินทางกลาง วางเฉย ให้อภัย กับ ตัวเราเอง ผมภาวนาตลอดคืนก่อนนอนหลับลึก 

วันนี้ผมตั้งใจคิดใคร่ครวญไม่หมดไฟ ล้มแล้วลุกให้เร็ว กลับมาทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่ด้วยความรักความห่วงใย ขอบพระคุณกัลยาณมิตรคิดบวกทุกท่านที่ส่งกำลังใจมาให้ทางเฟสบุ๊ค

สิ่งที่ผมกำลังเจริญสติเรื่องแรก คือ ถามตัวเอง “ทำไม” สัก 5 รอบจนได้คำตอบถึงเหตุแห่งของการสะสมความตึงเครียดทางอารมณ์ (เบื่องานเอกสาร มีแต่ระบบตรวจสอบคุณภาพงาน โดนตัดสินให้แก้ไขไม่จบสิ้น) ก็พยายามค้นคว้าหาทางแก้ไขทักษะการฝืนทำงานเอกสาร โดยปรับกระบวนทัศน์ใหม่ “ถอยออกมา มองภาพรวมของงานว่า ทำงานเอกสารไปทำไม ทำไปเพื่ออะไร” ก็พบคำตอบว่า “เรากำลังฝึกความอดทนด้วยจิตมุ่งมั่นทำงานในระบบองค์กรที่ต้องการความถูกต้องเป็นระเบียบ แม้ว่าจะตัดสินให้แก้ไขเรื่อยไป สักวันจะจบสิ้นเมื่อเราได้ทำงานได้ตรงตามความต้องการของคณะกรรมการ” 

ต่อมาผมกำลังเจริญปัญญาเรื่องสอง คือ ถามตัวเอง “ทำไมและอย่างไร” สัก 3 รอบจนได้คำตอบถึงการเพิ่มความแข็งแกร่งทางจิต เพราะเกิดความอ่อนล้าทางจิต (เขียนงานให้คนอื่นอ่านไม่รู้เรื่อง ไม่อยากเขียน รู้สึกไม่มีคุณค่า คิดไปเองว่าไม่มีใครไว้ใจให้ทำงานด้วย) ก็ได้เทคนิคการตรวจงานเขียนด้วยตัวเองอย่างใจเย็นคือ วางงานเขียนสัก 20 นาที มีเวลาพักให้สมองโล่ง เปิดใจ ยอมรับ ที่จะปรับปรุงงานให้ดีขึ้น แล้วก็ตั้งใจพิสูจน์อักษร-คำผิด-ไวยากรณ์ทวนแต่ละประโยคย้อนหลับ-ภาพรวมความรู้ความเข้าใจในงานเขียนอย่างอิสระ (อ่านใจผู้เขียน เคารพการตัดสินใจในความหมายของประโยคเดิมด้วยการตั้งคำถามปลายเปิดให้ผู้เขียนปรับให้กระจ่างรู้แจ้งด้วยตนเอง) ตามลิงค์นี้ https://ualr.edu/writingcenter/tips-for-effective-proofreading/ 

สุดท้ายผมกำลังเจริญเมตตา คือ ถามตัวเอง “ทำไม อย่างไร และคิดอะไรอยู่” สัก 1 รอบจนได้คำตอบถึงการเปิดใจให้รักและดูแลสุขภาพของตัวเองให้พร้อม เพราะตอนนี้สุขภาวะทางจิตสังคมที่มีภาวะหมดไฟกำลังจะยิ่งทำให้สุขภาพร่างกายแย่ลง จงย้อนกลับไปทบทวนบทเรียนชีวิตในอดีตที่แย่สุด ๆ แล้วเราก็ยังก้าวข้ามปัญหาในช่วงเวลานั้นได้ เรากำลังทำอะไร เพื่อใคร เราคือใคร เราเกิดมาทำไม และเรากำลังจะลุกขึ้นยืนต่อสู้กับอุปสรรคจริงแท้คืออะไรกันแน่ เรากำลังหมดใจและเริ่มนอนไม่หลับ ไม่อยากออกกำลังกาย ทานอาหารเต็มที่จนอ้วนขึ้น อยากลาออกจากงานที่เคยรัก (ทำแต่งานเอกสาร ไม่ได้ทำงานสร้างสรรค์) ทำให้เรียนรู้ใหม่เพิ่มพลังบวกด้วยการเติมเสียงภายในใจให้พร้อมว่า "ผมกำลังรับรู้สึกภาวะหมดไฟในการทำงาน ผมกำลังจุดไฟในการทำงานในรูปแบบใหม่ … งานเอกสารทำให้สร้างสรรค์ได้ถ้าเราไม่คิดน้อยใจในคำตัดสินถูกผิดจากผู้อื่น เรากำลังท้าทายตัวเองในการสื่อสารกับสังคมแห่งระบบการตรวจสอบคุณภาพของงานจากกลุ่มคนเก่งที่มีความสมบูรณ์แบบ พวกเค้ากำลังช่วยเหลือเราด้วยความรู้ความเข้าใจในงานได้ดีและห่วงใยให้เราเกิดการพัฒนาความรู้ความสามารถที่ไม่ถนัดของเรา”

ทุกอุปสรรคคือการเรียนรู้ตลอดชีวิต จงอย่าลืมตัว จงตั้งสติ จงขยันขัยแข็ง จงรับผิดชอบ และจงกตัญญู

จงเดินทางในชีวิตคิดบวกกับพวกพ้องที่ต้องทำงานในระบบวิชาการ ด้วยเทคนิคการสื่อสารกับกลุ่มคนเก่งที่มีความสมบูรณ์แบบ ตามลิงค์นี้ https://www.wikihow.com/Deal-With-a-Perfectionist-at-Work และคอยประคองสติสัมปชัญญะ (รู้เท่ารู้ทันตามความจริง) ของตนเองด้วยเทคนิคการหยุดความสมบูรณ์แบบภายในตนเองที่ได้ซึบซาบจากระบบงานให้พอดีมีชีวิตพอเหมาะ ตามลิงค์นี้   https://maybusch.com/8-ways-stop-being-perfectionist/ 

หมายเลขบันทึก: 691116เขียนเมื่อ 18 มิถุนายน 2021 09:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 สิงหาคม 2021 08:21 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท