เริ่มจากตั้งคำถามให้ตัวเอง
เอางี้ก่อนเด็กเล็กอ่านหนังสือไม่ออก ไม่น่าจะมีห้องสมุดสำหรับเด็ก น่าจะเป็นศูนย์สื่อการเรียนรู้ มากกว่า เพราะตรงนี้พื้นที่นี้เอาไว้เก็บอุปกรณ์ส่งเสริมการเรียนรู้ที่ครูเอามาใช้กับเด็ก พื้นที่ อาจจะเป็นบริเวณส่วนหนึ่งของห้อง หรือแยกห้องต่างหากก็ได้
ก่อนจะพัฒนาปนัปนุง... เราต้องทำความเข้าใจกับลักษณะการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เด็กปฐมวัย หมายถึง เป็นเด็กที่มีช่วงอายุระหว่าง 3 - 5 ปี พัฒนาการเด็กในแต่ละช่วงอายุ ปฐมวัยมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเด็กวัยนี้ต้องการการเรียนรู้ ในสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้าน จากบิดา มารดา คนรอบข้างและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดพัฒนาการที่เป็นรากฐานของ บุคลิกภาพ อุปนิสัย และการเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและจิตใจ สมอง สติปัญญา ความสามารถ เพราะเด็กในช่วงตั้งแต่ปฏิสนธิในครรภ์แม่จนถึง 4 ปี ระบบประสาทและสมองจะเจริญเติบโตในอัตราสูงสุด (ประมาณ 80 % ของผู้ใหญ่) การอบรมปลูกฝังสร้างเสริมพัฒนาการทุกด้านให้แก่เด็กปฐมวัยได้เจริญ เติบโตเต็มศักยภาพในช่วงอายุนี้ จะเป็นรากฐานที่ดีจะให้เขาเติบโตเป็นเยาวชนและพลเมืองที่ดี เฉลียวฉลาด คิดเป็น ทำเป็น และมีความสุข
เด็กปฐมวัยเรียนรู้ผ่านการเล่น เรียนรู้อย่างมีความสุข จัดสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับระดับพัฒนาการ ลักษณะกระบวนการจัดการเรียนรู้เป็นแบบเปิดกว้าง จัดให้มีประสบการณ์ที่หลากหลายโดยให้เด็กได้เรียนรู้ตามความสนใจหรือให้เด็กได้แสดงออกในแนวทางที่เขาสนใจ เรียนรู้แบบปฏิบัติจริงโดยการใช้ประสาทสัมผัสกระทำกับวัตถุด้วยความอยากรู้อยากเห็น ได้ทดลองสร้างสิ่งใหม่ๆ เด็กเรียนรู้ได้เต็มศักยภาพเมื่อมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น เด็กได้การเรียนรู้แบบร่วมมือเป็นกลุ่มเล็กๆ และเป็นรายบุคคล การให้เด็กได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบุคคลอื่นทำให้เด็กได้ตรวจสอบความคิดของตน แต่เมื่อมีปัญหาเด็กต้องการคำแนะนำจากผู้ใหญ่ ควรให้เด็กได้เรียนรู้แบบบูรณาการซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตจริงเป็นตัวตั้ง มีการเชื่อมโยงหลากหลายสาขาวิชา บทบาทของครูเป็นผู้ให้คำแนะนำเมื่อเด็กต้องการและให้การสนับสนุนอย่างเหมาะสม
แต่ทั้งนี้อย่าลืมว่า เด็กเล็ก ความสนใจสั้น เรียนรู้ผ่านการเล่นและประสบการณ์ใหม่ ครูหรือบรรณารักษ์ต้องเป็นผู้ถ่ายทอด จูงใจในการความสนใจ การสร้างกิจกรรมการเรียนรู้จึงต้องเหมาะกับวัย ร้อง-เล่น-เต้น-รำ นอนกลางวัน ตื่นขึ้นมาแล้วกินนม และ ห้องสมุดมีชีวิตไม่ได้อยู่ที่งบประมาณเพียงพอหรือไม่ แต่อยู่ที่บรรยากาศที่ครูหรือบรรณารักษ์จะสร้างความมีชีวิตชีวาจากทรัพยากรที่มีอยู่
ดังนั้นศูนย์สื่อการเรียนรู้ที่ดีต้องตอบสนองต่อกระบวนการเรียนรู้ของเด็กเล็กได้ดี ต้องมีสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลายเหมาะสมกับวัย มารู้จักประเภทของสื่อกัน
ประเภทของสื่อสร้างสรรค์และเครื่องเล่น • หนังสือภาพ •นิทาน • E-book • เพลงและดนตรี • การ์ตูนและแอนนิเมชั่น • ภาพยนตร์/สารคดีสั้นสำหรับเด็ก • บล็อก • เครื่องเล่นสัมผัส • ชุดฝึกทักษะการเคลื่อนไหว • หุ่นต่าง ๆ เห็น หุ่นมือ หุ่นเชิด • เกมการศึกษา • ศิลปะสร้างสรรค์ • ชุดฝึกทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
การจัดบริการ
1. มีทรัพยากรการเรียนรู้ที่หลากหลาย
2. มีจัดเก็บให้น่าสนใจแบบชั้นโชว์ หรือตู้นิทรรศการ ที่ไม่สูงเกินไป
3. ทรัพยากรการเรียนรู้เข้าถึงง่าย เด็กๆสามารถเจ้าถึงได้ตามความสนใจ
4. วัสดุอุปกรณ์ที่จัดเก็บไม่เป็นอันตรายต่อเด็ก ไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บ
5. หากมีคอมพิวเตอร์ในการให้บริการ ให้ต่อสายดินและตรวจสอบการรั่วของกระแสไฟ
6. พื้นที่ในการให้บริการมีความยืดหยุ่น สามารถปรับพื้นที่ให้สอดคล้องกับกิจกรรมได้
7. ใช้พื้นที่ให้เกิดการเรียนรู้สูงสุดในรูปแบบ Story Graphic เช่น พื้นห้อง/ผนัง/เพดาน
คำอธิบายรูป ภาพกราฟิกระหว่างทางเดิน พื้น บันได ผนัง เพดาน สามารถสร้างให้ดึงดูดความสนใจและสร้่งแรงบันดาลใจให้กับการเรียนรู้ได้
8. เด็กที่เป็นผู้ใช้บริการนั้นควรมองเห็นการให้บริการ/กิจกรรมในพื้นที่นั้น เพื่อเป็นการดึงดูดความสนใจในการเรียนรู้ อาจทำผนังส่วนบนเป็นกระจก แต่ไม่ควรทำเป็นกระจกทั้งบาน เพราะอาจเกิดอันตรายต่อการเดินชนหรือกระแทก
9. มีแสงสว่างเพียงพอ
10. มีอากาศถ่ายเท (หากเป็นห้องปรับอากาศ ควรติดพัดลมดูดดอากาศ เพื่อให้เกิดการไหลเวียนของอากาศ) หากเป็นห้องปรับอากาศควรเปิดหน้าต่างหรือประตูเพื่อระบายอากาศเป็นบางช่วงเวลา
11. มีพื้นที่สำหรับการติดบัตรคำ การเขียน (ไม่ควรใช้กระดานดำ) ติดแสดงชิ้นผลงาน อาจติดผนังถาวรหรือเป็นแบบเคลื่อนย้ายได้ ซึ่งเป็นการดึงดูดความสนใจในการเรียนรู้และประดับห้องไปด้วย
12. มีทีวีขนาดที่เหมาะสมกับจำนวนเด็ก 1 ห้อง อาจตั้งอยู่ประจำหรือหรือเคลื่อนย้าย อาจใช้ร่วมกับเครื่องขยายเสียงแบบเคลื่อนที่กรณีเด็กมีจำนวนมาก
13. พื้นที่การเรียนรู้ควรนับรวมตั้งส่วนหน้าของห้อง รวมทั้งทางเดินที่เดินทางมายังห้องบริการ เพื่อให้เกิดการกระตุ้นความอยากเรียนรู้ และสร้างความมีชีวิตชีวา
14. มีโต๊ะทำสำหรับทำกิจกรรมที่ความสูงเหมาะสมกับวัยเด็ก และสามารถพับเก็บได้หากไม่มีการใช้งาน เช่น โต๊ะญี่ปุ่น เบาะนั่ง
สิ่งที่ทำให้ Wow ทุกคนหันมามอง และกล่าวถึง
สีสัน : สดใส ไม่ควรใช้โทนสีร้อน แม้ว่าการทำกราฟฟิกเป็นเรื่องที่หลายๆห้องสมุดควรมีพื้นที่ว่างไว้พักสายตา
รูปทรง : แปลกตา ดึงดูดความสดใส
การออกแบบ : เหมาะสมกับวัย มีความปลอดภัย มีความแข็งแรง นึกถึงหลักความปลอดภัยและการเคลื่อนย้าย มีธีม (ขึ้นอยู่กับว่าจะส่งเสริมอะไร)
บุคลากร : สามารถใช้สื่อต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการเรียนรู้ มีทัศนคติที่ที่ดี รักการเรียนรู้
คำอธิบายรูป ทางเข้าส่วนบริการสำหรับเด็กและเยาวชนห้องสมุดแห่งชาติสิงคโปร์ สร้างเป็นซุ้มต้นไม้ตามเทพนิยาย
สิ่งที่ต้องการงบประมาณสนับสนุนต่อเนื่อง
1. งบทำความสะอาดวัสดุกึ่งถาวร ในการซักตุ๊กตา เบาะญี่ปุ่นรองนั่ง (ถ้างบเยอะซื้อใหม่เลย) การทำความสะอาดพรมปูพื้น เป็นต้น
2. การปรับเปลี่ยนภาพวาด Story Graphic ซึ่งการเปลี่ยนรูป เรื่องราว จะน่าสนใจมาก กรณีภูเขียว อาจจะเป็นเรื่องหมู่บ้านช้าง พระธาตุ การแห่นาคโหด ทุ่งกระมัง (งบน้อยใช้วิธีสร้างเครือข่ายและเปลี่ยนเป็นบางรูป)
3. ค่าตอบแทนวิทยากรหรือค่าของที่ระลึกในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ (ต่างประเทศใช้การเชิญผู้ปกครองมาเล่า) เป็นการมีส่วนร่วมของชุมชน
4. ค่าไวไฟ ค่าสมัครรายการต่างๆบนอินเทอร์เน็ต
5. ค่าจัดหาทรัพยากรเพิ่มเติม (เด็กเล่น///เด็กอ่าน มีขาด มีเก่า บางอย่างสะสมเชื้อโรคนะคะ)
สื่อที่น่าสนใจ
ฟรีนิทาน E-book เช่น
http://brillkidsthai.com/free-download/childrens-ebooks.php#
การสร้างความมีชีวิตชีวา
1. มีแผนกิจกรรมประจำเดือน (หรือสัปดาห์) ที่แยกออกจากการเรียนการสอน
2. มีการประชาสัมพันธ์ ผ่านโซเซี่ยลเพื่อให้ผู้ปกครอง ครู และนักเรียนอื่นทราบและอาจจะเปิดโอกาสให้เข้าร่วม
3. ทำกิจกรรมผนวกการอ่าน ที่เสริมสร้างเสริมการคิดวิเคราะห์ การแสดงออก เพื่อให้เด็กมีความเก่ง ดี มีสุข สมวัย
4. วัดความก้าวหน้าจากเด็ก หลังกิจกรรมการอ่าน/การเรียนรู้จากตัวเด็ก เช่น การสอบถาม การให้ยกมือ การเล่าให้ผู้ปครองฟังเวลาผู้ปกครองมารับ
...ไหน วันนี้ฟังครูอ่านนิทานเรื่อง....แล้วเป็นยังงัย ลองเล่าให้คุณแม่ฟังสิ
...ถ้าหนูเป็นเสือ (ตัวละครจากหนังสือ) หนูจะทำอย่างไร
5. ใช้เด็กเป็นคนต้นเรื่อง นำเข้ากับกิจกรรมการอ่าน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ การจูงใจ
6. เปิดโอกาสให้เครือข่ายความร่วมมือ ผู้ปกครอง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกิจกรรมการเรียนรู้
ตัวอย่างกิจกรรม
การยืมหนังสือนิทานกลับบ้านทุกวันศุกร์/ส่งคืนวันจันทร์ (ผู้ปกครองร่วมกับเด็ก)
---------------
ขอบคุณเพื่อร่วมทีมหลายครั้งหลายคราวที่ได้ทำงานบริการวิชาการด้วยกัน
เราไม่ใช่คนเก่ง แต่เราก็ได้ใช้วิชาความรู้ในการพัฒนาสังคมด้วยกัน
ไม่มีความเห็น