เมื่อคนเราต้องประสบพบเจอกับความสุข การหนีทุกข์นั้นมีหลายทาง หลายวิธี โดยวิธีหนึ่งที่ง่ายและนิยมใช้มากที่สุดอย่างก็คือใช้ "ยากล่อมประสาท" ซึ่งยากล่อมประสาทที่หาซื้อได้ง่าย มีอยู่ทั่วไป และมีมายาวนานตั้งแต่สมัยดึกดำบรรนั้นก็คือ "เหล้า" หรือ "สุรา"
หลายคนในสังคมถูกปลูกฝังความคิดว่า ความเมานั้นสามารถบรรเทาทุกข์ได้... นั่นก็คือ คือ การบรรทาด้วยการลืมความทุกข์ เพราะแก่นที่แท้จริงของความทุกข์ก็คือ "ความคิด" เวลาเมาเราจะลืมคิดเรื่องทุกข์ไปชั่วขณะ พอหายเมาก็คิดเหมือนเดิม ทุกข์เหมือนเดิม หรือบางคนยังเมาอยู่ ก็เร่งฟื้นฟูทุกข์เหล่านั้นมาคิด ทำให้บางคนคิดที่จะปลิดชีวิตของตนเอง เพราะว่าตอนเมานั้น สติสัมปชัญญะของเราไม่สมบูรณ์ เรียกว่าสติเหลือศูนย์เลยทีเดียว...
ในศีล ๕ ข้อที่ ๕ ท่านจึงให้สมาทานงดเว้นจากการดื่มสุรา ของมึนเมา เพราะว่าโดยปกติตอนยังไม่เมาสติของเราก็ไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว ยิ่งกินเหล้าเข้าไป แล้วจะเหลืออะไรซึ่งคำว่า "สติ..."
------------------------
ถ้าหากเปรียบเทียบกับการปฏิบัติธรรม ครูบาอาจารย์ท่านเคยปรารภให้ฟังดังนี้...
บางคนเข้าใจว่า พอมีทุกข์ก็จะมานั่งสมาธิ แล้วคิดว่าทุกข์เหล่านั้นจะหมดไป "มันไม่ใช่..!"
อย่างเราเป็นหนี้เค้าอยู่ ทุกข์เพราะเป็นหนี้ มานั่งสมาธิแล้วหนี้มันจะหมดไปไหม "มันไม่หมด..!"
ท่านจึงพาเราเสียสละ มาวัดให้เสียสละมาก ๆ คำว่า "กรรมฐาน" คือ ฐานของการกระทำ เราต้องมาปรับ มาเปลี่ยนพื้นฐานการกระทำของเราใหม่
เคยขี้เกียจ ก็มาเปลี่ยนเป็นคนขยัน เคยขยันน้อย ก็ขยันมาก... ความรวยนั้นย่อมไม่อยู่ในหมู่ของคนขี้เกียจ ฉันใดก็ฉันนั้น คนขยันย่อมไม่มีคำว่ายากจน...
เราจึงต้องมาสร้างความเห็นให้ถูกต้อง สร้างความเข้าใจให้ถูกต้อง เราจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
เรามาวัด มาปฏิบัติ เรามาสร้างความเข้าใจว่าปัญหาที่แท้จริงของความทุกข์จากหนี้สิน มันมาจากไหน..?
มันมาจากความขี้เกียจ ความโลภ ความสุรุ่ยสุร่าย เป็นคนไม่รู้จักพอ เป็นผู้ที่มีเศรษฐกิจไม่พอเพียง
การมาทำสมาธิ คือการมาพักผ่อนจิตใจ พักผ่อนสมอง... ร่างกายที่เหนื่อยล้ายังต้องมีการนอนหลับพักผ่อน สมองเราก็เหมือนกัน ใช้เค้ามามาก ๆ เค้าก็เหนื่อย เค้าก็ล้า... เมื่อเหนื่อยเมื่อล้ามันก็ถึงทางตัน มันคิดไม่ออก... การมาทำนั่งสมาธิ คือ มาผ่อนคลายทั้งกายทั้งใจ ให้กายสบายก่อน สมองผ่อนคลายกัน จิตใจจะได้พักผ่อน
ดังนั้นการมาที่นี่ ข้าพเจ้าจึงมีหน้าที่พาคนที่มาไปโน่นไปนี่ พาเข้าป่าไปให้อาหารปลา พาขึ้นเขาไปดูกระทิง เพราะให้กายและใจได้ผ่อนได้คลาย เพราะถ้ามาแล้ว ถ้าจับนั่งสมาธิแล้ว เทศน์ ๆ ๆ ๆ นั้นก็ต้องไปถึงทางตัน เมื่อตันมาก ๆ หาทางออกไม่ได้นั้นมันก็จะระเบิด...
ธรรมะ คือ ธรรมชาติ...
อย่างเช่นการไปให้อาหารปลา คือ การกล่อมประสาทด้วยการให้ การเสียสละ ดูปลาได้ทานอาหาร คือว่าเป็นการทำทานพร้อมกับการทำความดี
---------------------
หากยากล่อมประสาทรุ่นโบราณคือเหล้า เราก็ต้องหันมาใช้ยากล่อมประสาทรุ่นใหม่ นั้นก็คือ การสร้างฐานกระทำด้วยความดีด้วยกายและจิตใจ เพื่อกล่อมเกลาให้จิตใจคุ้นชินกับความดี
อย่างเช่นบันทึกเรื่อง
https://www.gotoknow.org/posts...
หากเรามีความดีกล่อมอยู่ในจิตใจ เราย่อมสร้างนิสัยแห่งความดีที่ยั่งยืน...
---------------------
เว้นจากเหล้า ห่างจากยา กล่อมประสาท
ย่อมไม่พลาด เดินทางผิด ด้วยความหลง
เว้นจากยา สิ่งเสพติด ย่อมเดินตรง
กายใจทรง สติเยี่ยม เปี่ยมปัญญา
---------------------
สติมา ปัญญาเกิด เพลิดพริ้งแท้
เห็นทางแก้ ทุกปัญหา ด้วยจิตนิ่ง
ความเห็นถูก เข้าใจถูก แก้ได้จริง
ปฏิบัติยิ่ง ตรงตามมรรค แปดประการ
---------------------
ทิฏฐิถูก ออกจากกาม พยาบาท
ไม่พูดหยาบ ส่อเสียด และเพ้อเจ้อ
เว้นจากฆ่า ลักขโมย ของที่เจอ
ผัวเมียเผลอ ไม่สำส่อน ผิดคู่ใคร
---------------------
มิจฉาชีพ ขายเหล้ายา ค้าชีวิต
ห่างจากมิตร อันปลอกลอก นำทางเสื่อม
มิตรประจบ พาฉิบหาย อยู่เนืองเนือง
เลือกคบเพื่อน คือบัณฑิต จิตบูชา
---------------------
ควรบูชา ต่อบุคคล ควรเคารพ
ย่อมพานพบ สิ่งประเสริฐ เลิศนักหนา
มีมิตรดี ย่อมชี้แนะ พร้อมนำพา
กายวาจา ใจอ่อนน้อม ถ่อมตัวตน
---------------------
อกุศล พึงป้องกัน อย่าให้เกิด
หากบังเกิด รีบตัดขาด หยุดทำเสีย
พร้อมเร่งสร้าง กุศลกรรม ทำความเพียร
ฐานกายเปลี่ยน ฐานใจเปลี่ยน แก้กรรมจริง
---------------------
กายา นุปัสสนา สติปัฏฐาน
คือดินน้ำ ลมไฟ เป็นเราเขา
รูปอย่างหนึ่ง ธรรมอย่างหนึ่ง อย่ามัวเมา
ทั้ังเราเขา มิเที่ยงแท้ อนัตตา
---------------------
เวทนา นุปัสสนา สติปัฏฐาน
ทั้งสุขทุกข์ อุเบกขา แลอามิส
เห็นเกิดดับ เวทนา ไม่เที่ยงจริง
พึงละทิ้ง สุขและทุกข์ มุ่งสายกลาง
---------------------
จิตตา นุปัสสนา สติปัฏฐาน
เห็นซึ่งจิต เห็นความคิด ความโกรธนั่น
ยามเหม่อลอย เรียกสติ กลับคืนทัน
นามธรรม รูปธรรม แยกขาดจริง
---------------------
ธัมมา นุปัสสนา สติปัฏฐาน
ย่อมพบพาน โลกยิธรรม ตามวิสัย
อยู่ในโลก ไม่พ้นโศรก ไม่พ้นภัย
จักพ้นได้ โลกุตร นำนิพพาน
---------------------
รูป เวทนา สัญญา แลสังขาร
อีกวิญญาณ คือขันธ์ห้า จำให้มั่น
กฏไตรลักษณ์ อนิจจัง ไม่เที่ยงทัน
อีกทุกขัง อนัตตา คือสามัญ
---------------------
วิตก วิจารณ์ ปิติสุข เอกัคคตา
คือรูปา วจร ฌานรูป
อรูปฌาน ความว่างเปล่า หาไม่เจอ
มิพลั้งเผลอ เวียนตายเกิด ประเสริฐจริง...
---------------------
ไม่มีความเห็น