Occupational profile
กรณีศึกษา
ชื่อ : นางสมหญิง (นามสมมุติ) เพศหญิง อายุ 70ปี
General appearance : ผู้สูงอายุเพศหญิง ตัวเล็กผิวขาว นั่งอยู่บนวีลแชร์ หน้าตาเรียบเฉย แต่งตัวด้วยเสื้อคอกระเช้าและผ้าถุง ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย
Dx Rt.hemiplegia R/O mild dementia มีการทานยาความดัน ยาไขมัน และแคลเซียม ใช้วีลแชร์ในการเคลื่อนย้ายร่างกาย ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่บ้านพักผู้สูงอายุแห่งหนึ่งในจังหวัดนครปฐม โดยจะมีผู้ดูแลของบ้านพักคอยให้ความช่วยเหลือและดูแลอยู่เป็นระยะๆ
Diagnostic Reasoning
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางการแพทย์ : ผู้รับบริการเป็น Rt.hemiplegia ทำให้ไม่สามารถใช้งานอวัยวะร่างกายทางซีกขวาได้เลย และมี r/o ของอาการ mild dementia
การให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ด้านการวินิจฉัยทางกิจกรรมบำบัด : จากการที่ผู้รับบริการไม่ขยับร่างกายทางด้านขวาที่เกิดการอ่อนแรงขึ้นเลยนั้นอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะการละเลยร่างกายซีกที่เกิดการอ่อนแรง หรือเกิดการข้อติดจากการที่ไม่ได้ขยับเป็นเวลานานได้ รวมไปถึงทางด้านcognitive ของอาการ mild dementia ทำให้มีความบกพร่องในเรื่องของ short term memory
Procedural Reasoning
หลังจากได้รับมอบหมายให้ทำการดูแลผู้รับบริการเคสนี้ ก็ได้เริ่มการสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้รับบริการโดยการแนะนำตัวพร้อมทั้งบอกจุดประสงค์ที่ได้มาทำกิจกรรมในครั้งนี้ และทำการชวนพูดคุยเพื่อให้เกิดความคุ้นเคยระหว่างผู้รับบริการและผู้บำบัด หลังจากนั้นจึงแจ้งผู้รับบริการให้ทราบถึงการประเมินต่อไปที่จะทำโดยจัดทำการประเมินดังนี้
ประเมินเกี่ยวกับการทำ ADLของผู้รับบริการผ่านการสัมภาษณ์และการสังเกต
: ผู้รับบริการบอกว่า ให้ผู้ดูแลเป็นคนทำให้เสียส่วนใหญ่ และ independent ในหัวข้อ feeding และ eating โดยสังเกตขณะผู้รับบริการทำการทานอาหารกลางวันจริงๆ โดยจะใช้แขนข้างซ้ายในการหยิบจับสิ่งของ
ประเมินการเคลื่อนไหวจากการสัมภาษณ์และสังเกต
: ผู้รับบริการบอกว่าไม่สามารถยกแขนข้างขวาได้ (มีการขอให้ผู้รับบริการยกให้ดูแล้วแต่ผู้รับบริการปฏิเสธ) แต่สามารถใช้มือซ้ายหยิบจับได้อย่างคล่องแคล่ว (สังเกตผ่านขั้นตอนการรับประทานอาหาร)
: ผู้รับบริการนั่งบนวีลแชร์โดยเอียงตัวไปทางด้านซ้าย
ประเมินผ่าน MMSE
: ผู้รับบริการมีปัญหาในเรื่องของ short term memory
ประเมินผ่านแบบประเมินโรคซึมเศร้า 9Q
: ผู้รับบริการได้คะแนนอยู่ที่ 12 อยู่ในเกณฑ์คะแนนมีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าระดับน้อย
แล้วหลังจากนั้นจึงรวบรวมและสรุปปัญหาทางกิจกรรมบำบัดและนำไปตั้ง occupational goal พร้อมทั้ง implement และได้คอยปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับแผนการรักษาที่วางไว้ให้กับผู้รับบริการเพื่อปรับปรุงตามความเหมาะสมกับเคสที่ทางผู้บำบัดรับผิดชอบ และลงมือทำจริงตาม implement ที่ได้คิดและปรับปรุงมาในการพบกันครั้งที่2 ของผู้บำบัดและผู้รับบริการ
Narrative Reasoning
ผู้รับบริการไม่ค่อยเล่าเรื่องของตัวเองให้ผู้บำบัดฟังมากนัก มักเป็นการถามตอบแบบประโยคสั้นๆ โดยได้พูดถึงเรื่องอาชีพของผู้รับบริการก่อนที่จะเข้ามาพักอาศัยที่บ้านพักผู้สูงอายุแห่งนี้ ผู้รับบริการบอกว่า “เคยทำอาชีพรับราชการมาก่อน เป็นคุณครู” และพูดคุยถึงกิจกรรมยามว่างที่สนใจหรืองานอดิเรกที่เคยทำมาก่อนในอดีต ผู้รับบริการบอกว่า “ ก็นั่งอยู่เฉยๆ” “นั่งอยู่หน้าห้องพักทั้งวัน” “ไม่สนใจไม่ได้อยากทำอะไร”และมีการพูดถึงการมาเยี่ยมของญาติของผู้รับบริการ ผู้รับบริการบอกว่า “ ไม่เคยมีคนมาเยี่ยมเลย” (แต่ในภายหลังที่ได้มีการไปสังเกตสิ่งแวดล้อมภายในห้องน้ำของผู้รับบริการ ได้เจอน้องชายของผู้รับบริการและทราบว่าน้องชายของผู้รับบริการนั้นมาเยี่ยมผู้รับบริการอยู่เป็นประจำ)
Interactive Reasoning
มีการใช้ therapeutic use of self ในการเริ่มต้นบทสนทนากับผู้รับบริการ โดยเลือกใช้น้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เสียงดังฟังได้ชัดเจน เนื่องจากผู้รับบริการมีอายุที่เยอะแล้ว และเป็นคนคอยคิดคำถามนำไปเพื่อรักษาให้บทสนทนายังคงอยู่เสมอเนื่องจากผู้รับบริการไม่ค่อยพูดและเปิดประเด็นกับผู้บำบัดเท่าใดนัก มีการใช้คำถามที่ชักจูงให้เกิดการเล่าเรื่อง แต่ผู้รับบริการก็จะตอบด้วยคำหรือประโยคสั้นๆแทน ในการพบกันครั้งที่ 2 เนื่องจากครั้งแรกได้รับทราบมาว่าผู้รับบริการเคยเป็นครูมาก่อน จึงได้เลือกใช้การทำ reminiscence therapy โดยการเอาพวงมาลัยมาให้ซึ่งจะช่วยทั้งในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้รับบริการและผู้รับบริการได้นึกย้อนกลับไปความทรงจำเก่าๆยามที่เป็นครู แต่เนื่องจากผู้รับบริการมีอาการปวดหัวขึ้นมาในการพบกันครั้งที่ 2 จึงได้ขอตัวไปพักหลังจากรับพวงมาลัยดอกไม้ไปแล้ว
Pragmatic Reasoning
หลังจากที่ได้ทำการประเมินและรวบรวมปัญหาที่ได้ข้อมูลมาแล้วนำไปวางแผน occupational goal และวางแผน implement แล้วนั้นเราได้นำข้อมูลของตัวเคสที่รวบรวมมาได้มาปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษา โดย
Conditional Reasoning
จากการสัมภาษณ์และการทำแบบประเมินเพื่อเก็บข้อมูลจากผู้รับบริการ รวบรวมออกมาเป็นปัญหาทางกิจกรรมบำบัดและได้ใช้กรอบอ้างอิงต่างๆในการวางแผนการรักษาของผู้รับริการได้ดังนี้
Problem list :
Occupational goal ที่1 : ผู้รับบริการสามารถคงความสามารถในการจดจำเพื่อการใช้งาน(working memory)และเพิ่มความสามารถในการจดจำเพื่อใช้ในระยะสั้น (short term memory)ได้
FoR / Model : Cognitive Rehabilitation FoR Technique : memory training
Intervention implement :
Occupational goal ที่ 2 : ผู้รับบริการมีการเคลื่อนไหวแบบ involuntary movement ในแขนข้างขวาที่มีอาการอ่อนแรง
FoR/Model : Physical rehabilitation FoR , Biomechanical FoR
Intervention implement :
Grade up โดยเพิ่มความยากของท่าให้มากขึ้นเมื่อคนไข้มี progression ที่ดีขึ้น
1st SOAP note :
S : pt 70 y. f. Dx Rt.hemiplegia r/o mild dementia sitting on w/c , alignment on w/c ; turn to left side of w/c straight face and speak slowly
O : no coorperation with OTs to do passive movement evaluation and no score in recall topic but get a score in registration topic and get 8/30 scores in MMSE
A : no movement of Rt.UE and have a problem in short term memory ,during interview pt always answer a question with a short sentence but when interview and evaluate continuously pt has an angry mood to OTs , and says “i don’t know“ “i’m headache“
P : make a good relationship with pt , ask about interesting activity for pt and suggest about right position on w/c
2nd SOAP note :
S : pt said “ i’m headache , need some rest and don’t want to do anything”
O : have a little conversation about she can remember my face but can’t remember my name and rest
A : -
P : suggest an exercise to move Rt.UE with right posture to caregiver and inform caregiver to teach pt about exercise ( exercise everyday ) and suggest an activity to maintain working memory and increase,stimulate short term memory
Story telling
ในวิชา 341 ทักษะการให้เหตุผลทางคลินิกของกิจกรรมบำบัดที่ได้มีการสั่งงานให้หาเคสมาเพื่อเขียน clinical reasoning และ soap note จำนวน 2 ครั้ง ส่งอาจารย์ ทางผู้บำบัดจึงได้เลือกเป็นเคสที่เคยทำการประเมินและไปจัดทำกิจกรรมการรักษาจริงให้ที่บ้านพักของผู้สูงอายุแห่งหนึ่งเมื่อตอนปี3 เทอม1 มาเป็นเคสที่ใช้ในการทำงานชิ้นนี้ โดยต้องใช้ข้อมูลเท่าที่จำกัดที่เคยได้มาจากการทำการประเมินในตอนนั้น ทำให้เห็นได้ถึงข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ครอบคลุมและยังขาดข้อมูลที่น่าจะมาตั้งเป้าหมายในการรักษาไปอีกหลายส่วน จึงทำให้เราได้มาย้อนคิดกับตัวเองว่า เราควรทบทวนเกี่ยวกับการประเมินสำหรับสถานการณ์จริงที่ทำกับเคสจริงๆให้มากและครอบคลุมยิ่งขึ้น เพราะการประเมินเพื่อให้ได้ข้อมูลของผู้รับบริการมานั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในเป็นนักกิจกรรมบำบัดที่ดี ยิ่งข้อมูลที่ได้มาเยอะและมีความสำคัญกับตัวของผู้รับบริการมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การรักษาทางกิจกรรมบำบัดของเราส่งผลดีกับตัวของผู้รับบริการมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อได้เลือกเคสนี้มาทำงานก็ได้มีการปรับเปลี่ยน occupational goal จากตอนที่เคยทำไปเมื่อเทอม 1 ให้มีความเหมาะสมกับเคสมากยิ่งขึ้น โดยสุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณอาจารย์ที่ปรึกษาที่ได้ให้การแนะนำและคำปรึกษาที่ช่วยให้การวางแผนการรักษากับเคสนี้มีความถูกต้องและดียิ่งขึ้นไปจากเดิมค่ะ นางสาว ภาคิไนย ธัญยนพพร 6123005
ไม่มีความเห็น