909. เรียนการค้นหาจุดประสงค์ของชีวิต (Purpose) จาก Netflix ตอน “Inside Bill’s Brain”


ผมดูสารคดีเรื่องนี้จาก Netflix ด้วยความที่สอนเรื่องจิตวิทยาเชิงบวกอยู่ ที่มีเรื่องคาบเกี่ยวกับสมองมนุษย์ เลยถือโอกาสดูจนจบ น่าสนใจครับเรื่องนี้คือประวัติการทำงานของ Biil Bates ผู้ก่อตั้ง Microsoft ที่ตัดภาพไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ถ้าคุณดูจะเห็นวิธีการใช้สมองของบิลล์อย่างชัดเจน หนังสือที่อ่าน คนที่คุยด้วย ผู้ร่วมอุดมการณ์ ตั้งแต่เด็กจนถึงโครงการในปัจจุบัน 


ที่บิลล์เปิดมูลนิธิเพื่อแก้ปัญหาโลกสามเรื่องคือ เรื่องส้วม โปลิโอ และพลังงาน จริงๆมีมากกว่านี้ แต่เรื่องนี้เน้นสามเรื่องแต่ละเรื่องเช่นโปลิโอ นี่บางปีจ่าย 400 ล้านดอลล่าร์ แต่ก็โชคดีที่ได้เศรษฐีโลกวอเรน บัพเฟ็ตมาช่วยลงขันด้วย 

น่าทึ่งที่บิลล์เห็นปัญหาโรคร้อน เลยไปค้นหางานวิจัย แล้วเกิดแนวคิดไปสร้าง Startup เรื่องพลังงานนิวเคลียร์ โดยเชิญคนที่ประมาณอดิสันในยุคนี้คือนักประดิษฐ์ที่มีสิทธิบัตรมากที่สุดในโลกคนหนึ่งมาช่วยกันประดิษฐ์เตาปฏิกรณ์พลังงานนิวเคลียร์แบบสะอาดที่ทนแผนดินไหว แม้กระทั่งระเบิดนิวเคลียร์ได้ แถมยังใช้พลังงานจากกากนิวเคลียร์เหลือทิ้งทั่วอเมริกา ว่ากันว่าถ้าเอาไปใช้จริง กากนิวเคลียร์ที่มีจะทำให้อเมริกาได้พลังงานสะอาดใช้ไปอีก 250 ปีสุดยอดไปดูกับครับ 


สร้างแรงบันดาลใจมาก อยากให้เศรษฐีไทยเป็นแบบบิลล์ เกตหลายๆ คน (ผมว่าน่าจะมีเร็วๆนี้)จะว่าไปดูเรื่องนี้แล้ว ผมได้อะไร ผมนึกถึงหนังสือเรื่อง "Purpose, Meaning, and Passion" ที่ตีพิมพ์โดย Harvard Business Review ซึ่งรวบรวมบทความจากนัดคิดนักเขียนชั้นนำ ในเรื่องจุดประสงค์ ความหมาย และความหลงใหล จะว่าไปแนวๆ อิคิไกแบบฝรั่งครับมีตอนหนึ่งในบทความของอาจารย์แดน ที่พูดถึง Mindset สามแบบของคนคือ

Job Mindset ทำงานเพื่อเงิน เพื่อผลตอบแทน 

Career Mindset ทำงานเพื่อเกียรติยศ อำนาจ บริวาร ผลตอบแทน การได้รับการยอมรับจากสังคม

Purpose Mindset ทำงานเพื่อเกื้อกูลคนในองค์กร ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไปจนถึงสังคม โลก ประมาณเอาความเก่งมาเกื้อกูล

คนกลุ่มหลังนี้มีความคิดสร้างสรรค์ สร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลกมากกว่า

ถ้าคุณดูเรื่องนี้จะเห็นเลยจังหวะชีวิตของบิลล์เริ่มจาก Job Mindset คือหลงใหลเรื่องการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เลยเริ่มหาเงินจากการเขียนโปรแกรม (Job Mindset) จากนั้นเห็นโอาสเลยลาออกจาก Harvard มาตั้งบริษัท Microsoft และใช้ชีวิตเพื่อสร้างสมความร่ำรวย อำนาจ มีบริวารหลายหมื่น ด้วยความอยากรวย จำได้ว่าตอนเด็กๆ เคยคิดกับเพื่อนว่าไปทำราชการ แต่เพื่อนๆ แย้งว่าไม่รวย อยากรวยต้องเป็น CEO อาจารย์แดนบอกว่าคนเราก็ต้องอยู่ทั้งสาม Mode ให้เราสังเกตตัวเองดูว่า ถ้างานเราทำเพื่อสองอย่างแรกคือ Job Minset กับ Career Mindset มากเกินไป เราจะทำลายตัวเอง เราจะไม่มีความสุขกับงาน ที่สุดทำลายชื่อเสียงและชีวิตในระยะยาว และระหว่างนั้นคุณจะมีแนวโน้มบูลลี่ชาวบ้าน และพยายามควบคุมคนอื่นมากขึ้น อาจารย์บอกว่าก่อนจะสายไป พยายามปรับ Mindset ตัวเองหรือเปลี่ยนไปทำงานอื่นดีกว่า และเราควรมี Purpose ของเราเอา คือเราต้องตัดสินใจว่าเราจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร

ที่สุดกลางเรื่องๆ ก็จะเห็นว่าบิลล์เริ่มตกผลึกกับชีวิต เพราะการอยู่กับ Career Mindset ทำให้เขาต้องทิ้งภรรยากับลูกไว้ในคฤหาสถ์ ขนาดยักษ์ลำพังนานๆ เขาเริ่มถูกฟ้องร้องว่าครอบงำตลาด ที่สุดบิลล์ เกตหันมาทบทวนตัวเองอย่างที่อาจารย์แดนแนะนำ ได้ทันเวลา เขาลาออกจากบริษัท แล้วเอาความร่ำรวยของตนเองไปสร้างมูลนิธิ เมลินด้า เกตต์ ที่มุ่งแก้ปัญหาสำคัญของโลกให้หมดไปนี่คือเขาก้าวขึ้นมาที่ Purpose Mindset ครับ เอาความเก่งไปเกื้อกูลโลก เลย คุณจะเห็นเขาสงบ สนุก ลุย แถมได้พันธมิตรเป็นคนสุดยอดของโลก เช่นบัฟเฟ็ต ที่รวยที่สุดอันดันต้นๆ ของโลก ก็อุทิศทรัพย์สินส่วนใหญ่ให้มูลนิธิของบิลล์กับภรรยา เจ๋งมากๆ 

เจ๋งมากๆ เรื่องนี้ย้อนกลับมาดูตัวเองจะเห็นอะไรบางอย่าง มาดูกันแรกเลย มาดูว่าตอนนี้คุณใช้ชีวิตว่าเราอยู่ mode ไหน Job Mindset, Career Mindset หรือ Purpose Mindset ผมเองก็ค้นพบว่าในอดีตเรารู้เลยว่าเราไปบูลลี่ชาวบ้าน ตอนเรามี Career Mindset ขณะเดียวกันเราก็ปวดหัวกับกลุ่ม Job Mindset และก็ถูกบูลลี่จากพวก Career Mindset กงกรรมกงเกวียนจริงๆ และอดีตตอนทำงานใหม่ๆ ตอนหาตัวเองไม่เจอนี่ Job Mindset เลย รู้เลยไม่มีอุดมการณ์ ไม่พัฒนาฝีมือ สร้างความปวดหัวให้หัวหน้าดีๆ มาเยอะ

แน่นอนตอนผมอยู่ใน Purpose Mindset คือทำอะไรเพื่อคนอื่นมากโดยอาชีพเพราะเป็นครู เช่น ลูกศิษย์ การสอน หรือไปทำวิจัยช่วยชาวบ้านมันนี่ได้ความรู้สึกที่ดี คิดงานไปได้ไกล ไม่คับแคบเหมือนตอนที่ผมอยู่ในสอง Mode แรก และก็มีความสุขมากกว่า เพราะมีคนสนับสนุน มี Partner ที่ก้าวไกล เหมือนเกิดกับบิลล์เกต จริงๆ แม้จะเป็นหนึ่งในล้านของบิลล์ 

แน่นอนเราก็คนหลายครั้งเราก็กลับไปอยู่วังวนใน Job Mindset กับ Carer Mindset แต่ก็น้อยกว่าเดิม ถ้าอยู่สอง Mode นี้เหมือนเราจะมีฝักมีฝ่าย ชีวิตร้อนตลอด ในขณะเดียวกัน ถ้าไปอยู่กับนายที่มีสองแรก ก็พังครับ ชัดเลย องค์กรไม่ไปไหน คุณจะปึกๆ เสียขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างน่ากลัว อย่าเดิมตามเขาครับ ไม่คุ้ม แต่ก็เคยเจอผู้บริหารที่มีตัวหลัง หรือ Partner ที่มี Purpose Mindset มันสนุก ลืมวันเวลา และทุกวันนี้รู้เลย ชีวิตเรามาถึงทุกวันนี้ ก็เพราะอาจารย์ ผู้บริหาร ผู้นำที่มี Purpose Mindset เช่นอาจารย์ผมดร. Perla ที่ ABAC มีตัวนี้มากๆ ได้มามีอาชีพในฝัน เพราะท่านเลย

แน่นอนเราเป็นใคร อยู่ไหน ก็ลองประเมินและลองออกแบบชีวิตกันดู แต่คำถามคือถ้าเราจะก้าวไปเป็น Purpose Mindset จะทำอย่างไรก็อาจพิจารณาชุดคำถามดังนี้ ที่อาจารย์คริสตี้ (Kriti Hedges) ในเล่มบอกว่า ลองตอบชุดคำถามเหล่านี้ดูผมว่าจากเรื่องบิลล์ เกตตอบได้หมด

What is your good at doing? อะไรที่คุณทำได้ดี กิจกรรมอะไรที่คุณทำได้ดีได้แทบไม่ต้องใช้ความพยายามน้อย ประมาณว่าอะไรเป็นจุดแข็งของคุณ อะไรที่ทำคุณเชื่อว่าคุณทำได้ดี คนอื่นค้นพบว่าคุณมีจุดเด่นอะไร (คำถามนี้ช่วยให้เราค้นพบจุดแข็งและความเป็นไปได้)

What is your enjoy? อะไรที่ทำคุณมีความสุข ในแต่ละวันอะไรที่ทั้งตั้งหน้าตั้งตารอคอย อะไรที่เมื่อมองจากปฏิทินทำให้ท่านมีพลัง และหากคุณไม่มีเงื่อนไขอะไรในชีวิต คุณจะใช้เวลาอย่างไร (ชุดคำถามนี้นำไปสู่การค้นพบสิ่งที่เรารักเกี่ยวกับงานของเรา)

What feels most useful? อะไรที่ทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองมีประโยชน์ อะไรคือผลงานที่คุณภาคภูมิใจ งานอะไรของคุณที่สำคัญกับทีมและองค์กร อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต และปัจจุบันงานของคุณไปในทิศทางเดียวกับสิ่งที่คุณให้ความสำคัญที่สุดในชีวิตหรือไม่ (ชุดคำถามนี้ช่วยให้คุณค้นหาอะไรที่คุณให้คุณค่าที่สุดในงาน)

What creates a sense of forward momentum? อะไรที่ให้ความรู้สึกกว่ามันกำลังสร้างผลกระทบในเชิงบวก อะไรบ้างที่คุณรู้ว่าคุณจะต้องใช้มันในอนาคต อะไรคือวิสัยทัศน์ของคุณในอนาคตอันใกล้ สิ่งที่คุณทำอยู่ทำให้คุณเข้าใกล้วิสัยทัศน์นั่นแค่ไหน (ชุดคำถามนี้ช่วยประเมินว่าสิ่งที่คุณทำอยู่เข้าใกล้เป้าหมายในอนาคตแค่ไหน)

How do you relate to others? แล้วคุณเกี่ยวข้องกับคนอื่นอย่างไร อะไรคือหุ้นส่วนที่ดีที่สุดในชีวิตการทำงานของคุณ (Working Partnership) อะไรคือที่ทำงานในฝันของคุณ งานของคุณทำให้คุณและเครือข่ายสังคมดีขึ้นอย่างไร (คำถามนี้ช่วยให้คุณคิดถึงความสัมพันธ์ที่จะทำให้งานมีความหมายมากยิ่งขึ้น)

วิจารณ์..ผมลองตอบตัวเองดูก็ได้ประโยชน์มากๆ ผมค้นพบเลยว่าการสอนวิชา Purpose-driven business ของผม ซึ่งถ้าตอบโจทย์ Purpose ในชีวิตแบบบิลล์ เกตที่ใช้ชีวติเพื่อเกื้อกูลโลกด้วยการทำให้โลกปลอดโปลิโอให้ได้ หรืออีก Purpose ก็คือทำให้ทุกคนในโลกได้ใช้พลังงานสะอาด

  ผมก็อยากใช้ชีวิตเพื่อเห็นผู้ประกอบการและคนไทยทุกคนมี Purpose Mindset 

นี่คือการสร้าง Purpose แนวบิลล์ เกตครับนี่ ตอบโจทย์ทั้ง What is your good at doing? What is your enjoy? What feels most useful? What creates a sense of forward momentum?แต่ข้อดีของชุดคำถามนี้ยังมีอีกคือ มันมีคำถามว่า How do you relate to others? ทำให้ผมได้แนวคิดว่าจะไปร่วมมือกับใคร จะอยู่ในอาชีพอะไร ที่ทางผมจะน่าอยู่ตรงไหน


แต่แนะนำว่า ลองตอบหลายๆ รอบ ตอบทิ้งไว้แล้วมาตอบอีก มันจะชัดขึ้นครับ

ว๊าวววววววอะไรมันจะชัดขนาดนี้

น่าสนใจครับ

คำถามวันนี้คือชีวิตคุณอยู่ใน Mindset แบบไหน

คุณกำลังเดินตามผู้นำที่มี Mindset แบบไหน 

Purpose ของคุณคืออะไร

แล้วจะทำอะไรที่ต่างไปจากเดิม

ด้วยรักและปราถนาดีครับดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

Purpose Story

Ref: Harvard Business Review; Hansen, Morten T.; Amabile, Teresa M.; Snook, Scott A.; Craig, Nick. Purpose, Meaning, and Passion (HBR Emotional Intelligence Series) (p. 52). Harvard Business Review Press. Kindle Edition. 

Image may contain: text that says 'N INSIDE BILL'S BRAIN < DECODING BILL GATES G 10 e1 010'
คำสำคัญ (Tags): #purpose#appreciative inquiry#ikigai
หมายเลขบันทึก: 688440เขียนเมื่อ 18 มกราคม 2021 10:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม 2021 13:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท