ต้นส้มแสนรัก : ภาพแทนของความเป็นผู้ใหญ่ที่มีผลกระทบต่อเด็ก


“เขาโค่นมันแล้วละฮะ พ่อ ตั้งอาทิตย์กว่ามาแล้วที่เขาโค่นต้นส้มของผม” (น. ๑๙๙)

วรรณกรรมเรื่อง “ต้นส้มแสนรัก” ผลงานประพันธ์ของ โจเซ่ วาสคอนเซลอส นักเขียนชาวบราซิล นับว่ามีความนิยมชมชอบจากผู้อ่านอย่างยิ่ง เพราะเป็นวรรณกรรมเล่มหนึ่งที่อยู่ในดวงใจของนักอ่านเสมอมา ได้รับการแปลเป็นฉบับภาษาไทยครั้งแรกโดยคุณมัทนี เกษกมล 

ผู้ประพันธ์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวของ “เซเซ่” ตัวละครเอก เป็นเด็กชายที่มีความซุกซน จอมแก่น และมีจินตนาการสูงที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่ยากจน ในเรื่องนี้ตัวละครที่สำคัญซึ่งมีบทบาทต่อพฤติกรรมและอารมณ์ความรู้สึกของเซเซ่ก็คือ “พ่อ” และ “โปรตุก้า” ซึ่งจะได้วิเคราะห์ต่อไป นอกจากนี้แล้ว เรื่องราวของ “เซเซ่” ได้สะท้อนความจริงหลายประการของสังคมในสมัยนั้นที่ผู้เขียนแฝงไว้อย่างแนบเนียน เช่น ความยากจน ความลำบาก การทารุณกรรมเด็ก อิทธิพลของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็ก เป็นต้น จนทำให้ผู้อ่านซึมซับและตราตรึงไว้ในหัวใจอย่างลึกซึ้ง

ตัวละครพ่อของเซเซ่  ถือว่าเป็นตัวละครที่มีหลายลักษณะ ทั้งด้านดีและไม่ดี โดยในด้านดีคือ เป็นคนที่คิดและเพื่อครอบครัว แต่ด้านที่ไม่ดีคือเมื่อมีปัญหาจะแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีออกมา กล่าวคือ จะเห็นว่าช่วงพ่อของเซเซ่นั้นกำลังอยู่ในภาวะตกงาน ไม่สามารถหาเงินมาจุนเจือครอบครัวได้ ครอบครัวจึงมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบาก เพราะยากจนแร้นแค้น ไม่มีเงินใช้ ในฐานะผู้ที่เป็นพ่อที่ต้องทำหน้าที่เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่เนื่องจากไม่สามารถดูแลครอบครัวได้อย่างที่ควรจะเป็นได้ จึงทำให้พ่อของเซเซ่แสดงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อเซเซ่ออกมาหลายครั้ง เช่น มีอารมณ์โมโหร้าย ซึมเศร้า หรือไม่เข้าใจความคิดการกระทำของเซเซ่ ดังในตอนที่พ่อได้ยินคำพูดของเซเซ่ว่า “มีพ่อจน ๆ นี่มันเวรเหลือเกินจริง ๆ นะ” (น. ๕๖) และเหตุการณ์ต่อมาเป็นคำพูดของพ่อว่า “อย่าร้องไห้เลยลูก ยังมีเรื่องให้ต้องเสียน้ำตาอีกมากในชีวิตข้างหน้าของลูก” (น. ๖๕) และ “พ่อรู้ พ่อไม่โกรธหรอก เพราะที่ลูกพูดมันก็ถูกจริง ๆ ” (น. ๖๕) ซึ่งเป็นคำพูดที่ช่วยเสริมให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจความรู้สึกของตัวละครพ่อของเซเซ่ได้ชัดเจนขึ้น กล่าวคือ เมื่อพ่อได้ยินคำพูดของเซเซ่แล้ว ทำให้พ่อเสียใจมาก เมื่อมองในมุมมองของพ่อที่ได้ยินนั้นก็คงเศร้าเสียใจมากที่ไม่สามารถให้สิ่งดี ๆ อะไรกับลูกได้ ซ้ำยังพาลูกมาลำบากด้วย อีกทั้งคำพูดของลูกนั้นก็ถูก จะโทษลูกก็ไม่ได้เพราะตนเองให้อะไรกับลูกไม่ได้จริง ๆ  คำพูดของเหตุการณ์ในตอนนี้ยังทำให้ผู้อ่านมีความรู้สึกสะเทือนไปถึงจิตใจ 

นอกจากนี้แล้ว พ่อของเซเซ่มีลักษณะนิสัยที่โมโหร้าย มักทำร้ายเซเซ่ จนทำให้เซเซ่รู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ซึ่งการที่พ่อของเขากระทำพฤติกรรมเช่นนี้ก็เนื่องมาจากความตึงเครียด ความกดดันนั่นเอง จึงทำให้เมื่อเซเซ่แสดงพฤติกรรมอะไรออกมาที่พ่อของเขาคิดว่าไม่ดี พ่อก็ลงโทษตีเซเซ่โดยไม่ได้ถามเหตุผลที่เซเซ่ทำแบบนั้นเลย เช่น ในตอนที่เซเซ่พยายามร้องเพลงเพื่อให้พ่อผ่อนคลายความทุกข์ ความตึงเครียดซึ่งเป็นเจตนาที่ดีของเซเซ่ แต่เมื่อพ่อได้ฟังแล้วกลับคิดว่าเซเซ่ล้อตน เพราะเป็นเพลงที่มีเนื้อหาลามกอนาจาร จึงบันดาลโทสะทำร้ายร่างกายเซเซ่อย่างรุนแรง และด่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง คือ “ไอ้หมาบ้า ไอ้เด็กลามก ไม่มีอะไรดีเลย พูดออกมากับพ่อของตัวได้อย่างนี้” (น. ๑๕๑) เหตุการณ์ในตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญของเรื่อง เพราะจะเห็นได้ว่า ทุกถ้อยคำ ทุกการกระทำของพ่อนั้นยิ่งตอกย้ำความรู้สึกส่วนลึกภายในจิตใจของเซเซ่ว่าไม่มีใครรักเขา ไม่มีใครใส่ใจและเข้าใจเขาจริง จนคิดไม่อยากอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป เพราะเจตนาของเซเซ่แค่เพียงเพราะคิดว่าจะช่วยบรรเทาให้พ่อมีความสุข ผ่อนคลายความเครียด แต่พ่อก็ไม่สามารถเข้าใจเซเซ่ได้ กลับต้องโดนพ่อทำร้ายร่างกายจนแทบไม่เหลือความเป็นคน ซึ่งสะท้อนให้ผู้อ่านรู้สึกสะเทือนใจกับพฤติกรรมของพ่อที่ไร้ความปราณีลูก แม้ว่าในท้ายที่สุดพ่อของเซเซ่จะเข้าใจในตัวตนของเซเซ่ แต่ก็นับว่ามันสายไปแล้ว เพราะตัวตนของเซเซ่ได้ถูกทำลายไปเพราะความโหดร้ายจากสิ่งที่พ่อกระทำ จากสิ่งที่ได้พบเจอในชีวิตของเซเซ่ ซึ่งมันรุนแรงเกินไปสำหรับเด็กวัยห้าขวบอย่างเขาจะรับได้ ดังคำพูดที่ว่า “เขาโค่นมันแล้วละฮะ พ่อ ตั้งอาทิตย์กว่ามาแล้วที่เขาโค่นต้นส้มของผม” (น. ๑๙๙) 

คำพูดหนึ่งที่ช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของตัวละครพ่อของเซเซ่ได้อย่างแจ่มแจ้ง ก็คือ คำพูดของพ่อเซเซ่ในตอนบทสุดท้ายที่ว่า “จบสิ้นกันเสียที ลูกพ่อ ทุกสิ่งทุกอย่างเลยนะลูก วันหนึ่งเมื่อลูกเป็นพ่อคนแล้ว ลูกจะรู้ว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดในชีวิตมนุษย์ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรถูกต้องเสียเลย ความสิ้นหวังมันเกิดขึ้นไม่มีที่สิ้นสุด...” (น. ๑๙๗)  เป็นคำพูดที่สะท้อนให้ผู้อ่านเห็นว่า แม้พฤติกรรมพ่อของเซเซ่จะดูเป็นคนที่ไม่ได้สนใจลูก ไม่ให้ความรักและการดูแลลูกให้ดี ดูจะไร้เหตุผล หรือเป็นคนที่อาจโหดร้าย เพราะมักลงไม้ลงมือกับเซเซ่อย่างไร้ความปรานี ลงโทษเซเซ่โดยที่ไม่บอกเซ่เซ่เลยว่าทำไมถึงลงโทษกัน แต่ก็อดเข้าใจหรือเห็นใจไม่ได้ เพราะไม่มีใครพ่อคนไหนต้องการให้ครอบครัวเป็นเช่นนี้ ล้วนต้องการให้ครอบครัวของตนมีความเป็นอยู่ดีทั้งนั้น เมื่อเจอปัญหาต่าง ๆ จึงต้องแบกรับสิ่งเหล่านั้นไว้ท่วมท้นมากมายเพราะเป็นหัวหน้าครอบครัว จนทำให้พ่อของเซเซ่อาจถูกความทุกข์และความขมขื่นจากชีวิตมาบดบังสายตาไม่ให้มองเห็นสิ่งสำคัญที่อยู่ใกล้ตัวได้ ก็คือ ‘เซเซ่’ 

ในส่วนของตัวละคร “โปรตุก้า” เป็นตัวละครที่ไม่มีความขัดแย้งซึ่งต่างกับพ่อของเซเซ่ เพราะตัวละครโปรตุก้าไม่ได้มีความยากจนหรือปัญหาขัดสนทางการเงินแต่อย่างใด จึงดูเป็นตัวละครที่มีความสุขกับชีวิตดีซึ่งอยู่ในช่วงวัยชรา และจัดว่าเป็นตัวละครหลายลักษณะเช่นเดียวกันกับตัวละครพ่อของเซเซ่ คือ มีอารมณ์ความรู้สึก ความคิดเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุการณ์ต่าง ๆ  ดังที่เห็นได้ชัดเจนจากเหตุการณ์ในตอนแรก ก็คือ เมื่อตอนที่เซเซ่แอบกระโดดเกาะที่รถของโปรตุก้าแล้วถูกจับได้ โปรตุก้าก็โมโหมากถึงขนาดลงไม้ลงมือตีก้นเซเซ่ แต่เมื่อโปรตุก้ารู้จักกับเซเซ่มากขึ้น กลับรู้สึกหลงรักและเมตตาเด็กชายเซเซ่ที่ซูบผอม ตัวเล็ก เพราะเข้าใจในความเป็นเซเซ่ได้ว่า เขาเพียงเป็นเด็กชายที่หัวใจเต็มไปด้วยความสดใสแสนซื่อบริสุทธิ์ จากที่เคยโกรธเซเซ่ กลับกลายมาเป็นรักเซเซ่เหมือนกับเป็นลูกของตนเอง ทุกครั้งที่เซเซ่เล่าเรื่องราวของตนเองให้โปรตุก้าฟัง โปรตุก้าก็มักจะมีอารมณ์ความรู้สึกอ่อนไหวไปด้วย เช่น ในตอนที่เซเซ่เล่าเรื่องวันคริสต์มาสว่าที่บ้านของเซเซ่ไม่มีใครได้รับของขวัญ โปรตุก้าก็แสดงความรู้สึกเศร้า และสัญญาไว้กับเซเซ่ว่าจะให้ของขวัญแก่เซเซ่ด้วย หรือในตอนที่เซเซ่บอกว่าจะไปให้รถไฟชนตาย ๆ ไป ไม่ต้องอยู่อีกต่อไป ก็ทำให้โปรตุก้ารู้สึกสะเทือนใจกับสิ่งที่เซเซ่พูดออกมาและรู้สึกเป็นห่วงเซเซ่มากขึ้น ดังคำพูดที่บอกเซเซ่ว่า “อย่า อย่าพูดอย่างนั้น เห็นแก่พระเจ้าเถอะ เธอยังมีชีวิตที่สดใสรอคอยอยู่วันข้างหน้า มีจินตนาการและความฉลาด อย่าพูดอย่างนั้นนะ มันบาป ฉันไม่อยากให้เธอคิดถึงมันด้วยซ้ำ” (น. ๑๖๐) และยังคอยดูว่าเซเซ่จะทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า เป็นต้น อีกทั้งโปรตุก้าเองก็รู้สึกเศร้าเสียใจ สงสาร สะเทือนใจกับบาดแผลที่ปรากฏบนตัวของเซเซ่ที่โดนทำร้ายอย่างไม่มีความปราณีใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็ยิ่งทำให้โปรตุก้ามีความรู้สึกอยากปกป้องเซเซ่และมอบความรักที่ตนมีให้แก่เซเซ่อย่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้   

ในด้านพฤติกรรมหรือการปฏิบัติของโปรตุก้าต่อเซเซ่ก็ได้ทำให้เซเซ่รู้สึกมีความสุข และจุดประกายความคิดความฝันของเซเซ่ให้กว้างไกลยิ่งขึ้น ด้วยการพูดคุยกันกับเซเซ่ เขาชอบที่เซเซ่พูดเก่งกล้าแสดงออก และกล้าหาญ ดังจะเห็นจากความเมตตาและปรารถนาดีของเขาที่มีต่อเซเซ่ เช่น ชักชวนเซเซ่มาเล่นที่บ้าน พาเซเซ่นั่งรถเที่ยวไปที่ต่าง ๆ หรือเห็นได้จากคำพูดว่า “อะไรที่เป็นของฉันก็เป็นของเธอด้วย ก็เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนี่นา” (น. ๑๓๓) เป็นต้น อีกทั้งยังเป็นคนที่คอยแนะนำแนวทางให้เซเซ่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง เป็นคนที่คอยปลอบโยนและให้ความรู้สึกที่อบอุ่นแก่เซเซ่หลังจากที่เซเซ่เจอเรื่องร้าย ๆ หรือถูกพ่อลงโทษมา ซึ่งเห็นได้จากคำพูดว่า “ฉันอยากเธอเป็นอย่างนี้แหละ ใช้ชีวิตอยู่กับความฝันที่สวยงาม...” (น. ๑๖๕) เป็นต้น จะเห็นได้ว่าตัวละครโปรตุก้าเป็นดั่งสิ่งที่ทดแทนความรู้สึกที่ขาดหายไปจากใจของเซเซ่ นั้นก็คือ ‘ความรักความอบอุ่นจากครอบครัว’  ได้อย่างดี และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เซเซ่ต้องการให้โปรตุก้ามาเป็นพ่อของตน  

แต่เป็นที่น่าสังเกตประการหนึ่ง ก็คือ แม้พฤติกรรมของโปรตุก้าที่มีต่อเซเซ่จะช่วยทำให้เซเซ่รู้สึกว่ามีสิ่งที่สามารถทดแทนบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไปจากชีวิตของเขาได้ ก็คือ ความรัก ความมีเมตตาและความปรารถนาดีจากโปรตุก้า แต่ก็น่าคิดว่า ความรักความปรารถนาดีที่โปรตุก้ามีต่อเซเซ่นั้น อาจเป็นเพราะโปรตุก้ารู้สึกสงสารเซเซ่ตามที่มนุษย์ปุถุชนทั่วไปพึงมีความรู้สึกเวทนาสงสารมนุษย์ด้วยกันก็เป็นได้ เพียงอยากช่วยเหลือให้พ้นจากความทุกข์ที่เลวร้ายเท่านั้นหรือไม่ เพราะเป็นธรรมดาที่มนุษย์ทุกคนจะมีความรู้สึกสงสาร เมตตาเพื่อนร่วมโลกที่มีความทุกข์ ความไม่สบายใจ อะไรที่สามารถช่วยแบ่งเบาได้ก็จะช่วยโดยไม่ให้เกินกำลังความสามารถของตน ซึ่งก็เป็นประเด็นที่น่าคิด และก็พบอีกว่า การปฏิบัติของโปรตุก้าที่มีต่อเซเซ่ก็อาจเป็นพฤติกรรมเพื่อการทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปบางอย่างในชีวิตของโปรตุก้าเช่นเดียวกัน สังเกตจากคำพูดของตัวละครที่ว่า “เธอนี่เป็นเด็กที่ละเอียดอ่อนมากจริง ๆ ฉันต้องสารภาพว่า เธอทำให้หัวใจแก่ ๆ ของคนโปรตุเกสคนนี้หายเหงา เธอได้ทำอย่างนั้นแหละ...” (น. ๑๓๕) จากคำพูดสามารถคิดได้ว่า โปรตุก้าอาจต้องการที่พึ่งพิงทางใจที่ทำให้ชีวิตของเขารู้สึกดีขึ้น มีค่ามากขึ้น เนื่องจากเป็นธรรมดาของผู้ใหญ่ในวัยชราที่มักจะโหยหาความรัก ความเอาใจใส่ และสิ่งที่ไม่ทำให้ตนเองรู้สึกเปล่าเปลี่ยวหรือด้อยค่าซึ่งไม่ต่างจากเด็กอย่างเซเซ่เลย จึงกล่าวได้ว่า ความเมตตาและความปรารถนาดีที่โปรตุก้ามีต่อเซเซ่เป็นเสมือนพฤติกรรมที่สร้างมาทดแทนให้ตนรู้สึกคลายความเหงา ความเปล่าเปลี่ยวของตนเอง ในส่วนความรู้สึกของเซเซ่ก็เช่นเดียวกัน คือ ทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปจากใจ นั่นก็คือ ความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัว ซึ่งนับว่าเป็นธรรมดาของปุถุชนคนทั่วไปเมื่อขาดความรัก ความต้องการที่พึ่งทางใจแล้วก็ล้วนตามหาสิ่งที่สามารถทดแทนในส่วนที่ขาดหายไป เพื่อเพิ่มเติมให้ชีวิตของตัวเองสมบูรณ์และมีความสุขยิ่งขึ้น 

 กล่าวสรุปได้ว่า ตัวละครพ่อของเซเซ่และตัวละครโปรตุก้า มีความรู้สึกบางอย่างที่มีต่อเซเซ่เหมือนกัน นั่นก็คือ “ความรัก ความปรารถนาดี” กล่าวคือ ในส่วนพ่อของเซเซ่ มีความรักและหวังดีต่อเซเซ่ในฐานะที่เป็นความสัมพันธ์แบบพ่อกับลูก แต่เนื่องด้วยฐานะทางสังคมที่ไม่ดี จึงมีผลทำให้พ่อของเซเซ่มีลักษณะเครียดมากกว่า และแสดงพฤติกรรมที่โหดร้ายรุนแรงกับเซเซ่ แต่ในความเป็นจริงก็มีความหวังดีอยู่เพราะเห็นได้ว่าพยายามทำเพื่อให้ครอบครัวดีขึ้น เพียงแต่มีปัญหาทางด้านการเงินมากเกินไป จึงทำให้ตนเองละเลยลืมสิ่งสำคัญอย่างลูกไป ส่วนตัวละครโปรตุก้า เป็นตัวละครที่มีส่วนสำคัญต่อชีวิตของเซเซ่ เพราะได้เข้ามาเป็นส่วนเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของเซเซ่ให้สมบูรณ์ ซึ่งก็มีความรักและปรารถนาดีต่อเซเซ่ในการจะเห็นเซเซ่เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในอนาคต อีกทั้งไม่ได้มีปัญหาทางด้านฐานะ จึงทำให้มีชีวิตเป็นปกติสุข และให้ความรักความอบอุ่นแก่เซเซ่ได้ดีกว่าพ่อของเซเซ่เสียอีก ฉะนั้นแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวละครทั้งสองนี้มีส่วนสำคัญต่อพฤติกรรมของเซเซ่อย่างมาก ซึ่งสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นได้ว่า ผู้ใหญ่อิทธิพลมีต่อเด็กอย่างแท้จริง  เรื่องต้มส้มแสนรักนับได้ว่าเป็นวรรณกรรมเยาวชนที่เรียกน้ำตาจากมวลมิตรนักอ่านอย่่างที่สุด



ผู้วิจารณ์ พิทยา สมาธิ นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ 

หมายเลขบันทึก: 687741เขียนเมื่อ 18 ธันวาคม 2020 10:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2021 15:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท