หลายครั้งหลายครา..ที่ได้รับบทเรียนชีวิต แล้วคิดที่จะเก็บไว้เตือนจิตสะกิดใจตัวเอง..แต่เมื่อเวลาผ่านไป..ก็จะมีบางครั้งบางคราหลงลืมไปว่า..มันสาหัสขนาดไหน?
จึงทำให้ประมาทกับการใช้ชีวิต ไม่คิดที่จะระมัดระวัง
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน..ต่างกันตรงที่มีความรู้สึกเข็ดขยาดกว่าเดิม เพิ่มเติมด้วยการบันทึกเก็บไว้เป็นอุทาหรณ์..ที่ช่วยให้มองเห็น..จุดอ่อน..ของตัวเอง
ในวันที่ต้องเดินทางไกลอีกครั้งในรอบปี ๒๕๖๓...ไปจังหวัดลำพูน โดยมีลูกชายคนเล็กเป็นคนขับรถให้ผม เพื่อไปเตรียมงานแต่งงานลูกชายคนโต ที่ไปหลงรักสาวสวยแห่งเมืองหริกุญชัย
ผมไปสู่ขอไว้เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๖๒ กำหนดงานวิวาห์ในวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ แต่ด้วย..โควิด๑๙..ทำให้ต้องเลื่อนการจัดงานไปก่อน
ฤกษ์งามยามดีที่กำหนดขึ้นใหม่ เป็นวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ สถานที่จัดงานคือบ้านเจ้าสาว ผมเดินทางไปก่อนวันงานก็เพื่อช่วยจัดเตรียมสถานที่ ให้มีความพร้อมมากที่สุด
ถือว่าเป็นการจัดงานใหญ่ครั้งแรกของครอบครัว ผมจึงรู้สึกจดจ่อและตื่นเต้น อยากเห็นบรรยากาศก่อนงาน อยากมีส่วนร่วมให้งานแต่งงานของลูก เกิดความสวยงามและเรียบร้อย
ออกเดินทางแต่เช้า เพื่อจะได้ถึงเมืองลำพูนก่อนค่ำ แต่แล้วก็ค่ำและทุลักทุเลแบบที่ไม่คาดคิด..คิดว่าจะเอาชีวิตไม่รอดเสียแล้ว...
อาหารมื้อเที่ยงระหว่างทาง เกือบบ่ายสองโมง..ตัดสินใจเลือกร้านที่ค่อนข้างมาตรฐาน เป็นร้านใหญ่ มีรถลูกค้าจอดเรียงหน้าร้านหลายคัน..เป็นร้านที่น่าสนใจเพียงร้านเดียวก่อนเข้าสู่ตัวเมืองลำปาง...
ชื่อร้านก็เชื้อเชิญไม่น้อย ประมาณว่า..แซ่บแบบโคตรๆ...คงต้องมีอาหารจานโปรดให้ลิ้มลองเป็นแน่แท้ พอก้าวเท้าเข้าไปในร้าน ก็มองเห็นตัวหนังสือโดดเด่นเห็นชัดเจนมาก เขียนว่า...
“ถ้าทานอาหารรสจัดในร้านนี้แล้ว มีอาการ..ถึงแก่ชีวิต..ทางร้านจะไม่รับผิดชอบแต่อย่างใด” จริงๆผมควรจะได้เอะใจ...แต่เปล่าเลย..เพราะผมหิวมาก
ลูกค้าในร้านเยอะมาก..ผมแน่ใจเลยว่าต้องรอนาน แต่ผมกับลูกชายก็อยากพักรถ ถึงนานก็ไม่เป็นไร..โต๊ะข้างๆออกอาการหงุดหงิด แต่ผมกลับมีความสุขที่ได้สั่งอาหาร..
ผมสั่งแกงป่าปลาคัง และบอกเขาว่าไม่ต้องเผ็ดนะ..ลูกชายสั่งไก่คั่วตะไคร้ และไข่เจียวหมูสับ..อยากสั่งอาหารมากกว่านี้..แต่ดูสถานการณ์แล้ว..ไม่เอื้อเลย..
๓๐ นาทีผ่านไป อาหารครบถ้วนมาวางอยู่ตรงหน้า กลิ่นของอาหารหอมหวนชวนรับประทานเสียเหลือเกิน...ผมรีบลงมือทันที มีเสียงดังมาจากโต๊ะข้างหลัง...
เสียงลูกค้าผู้ชายพูดขึ้นว่า..เขามาก่อน รอนานแล้ว ทำไมโต๊ะผมมาทีหลังถึงได้อาหาร ดังนั้น..อาหารที่สั่งไป..ไม่ต้องทำแล้วนะ...ผมไม่ได้สนใจรีบขบเคี้ยวและลิ้มรสอาหาร เพื่อจะได้เดินทางต่อไป...
รสชาติอาหารบอกไม่ถูก..จะว่าอร่อยก็ใช่เลย เป็นอาหารรสจัดจ้าน แต่ก็พอทานได้ มีกลิ่นไอของสมุนไพร..พริกแกงหอม ตอนแรกที่ทานไม่รู้สึกเผ็ด แต่พอทานเสร็จแล้ว ความเผ็ดแผ่ซ่านไปทั่วสุดขั้วหัวใจ..
อิ่มแล้ว..ลุกขึ้นเดิน...เหงื่อออกเต็มตัว มีอาการจุกแน่นในท้องไปจนถึงหน้าอก หายใจลำบากมาก รีบแข็งใจเดินไปห้องน้ำเพื่อล้างหน้าและบ้วนปาก เผื่อว่าจะดีขึ้น
แต่แล้วสถานการณ์เริ่มเลวร้าย รู้สึกปวดมวนในท้องอย่างรุนแรง แบบที่ไม่ใช่ปวดเหมือนท้องเสีย แต่เหมือนปวดแสบปวดร้อนในลำไส้และกระเพาะอาหาร
จุกเสียดแน่น จนท้องแข็ง เหมือนมีลมอัดแน่นอยู่ในท้องและหน้าอก ต้องให้ลูกชายช่วยพยุงตัวผมขึ้นไปนั่งบนรถ..เพื่อเดินทางต่อไปในระยะทางอีกเกือบ ๒๐๐ กม.
ตอนนั้น..สงสารตัวเองและค่อยๆสูญเสียความรู้สึก ที่ไม่รู้จักดูแลตัวเอง และเสียใจที่กำลังหมดเรี่ยวแรงที่จะนำพากายและใจไปช่วยงานสำคัญของลูกชาย...
นั่งๆนอนๆแบบทรมานไปในรถ...จนถึงจังหวัดลำพูน..รถติดเป็นชั่วโมงเพราะเป็นช่วงวันหยุดยาว..นาทีนั้น..เป็นช่วงเวลาที่คิดหนักมาก ว่าจะเข้าโรงพยาบาลหรือจะไปบ้านงาน...
คิดว่าถึงบ้านก่อนดีกว่า..นอนพักแล้วไม่ดีขึ้นค่อยว่ากัน พอถึงบ้าน..ลูกชายคนโตมารับที่รถ พยุงตัวขึ้นบ้าน เดินผ่านญาติๆฝ่ายเจ้าสาวมากมายหลายคน แต่ผมมองไม่ชัดว่าใครบ้าง เพราะตาพร่ามัวไปหมด..เสียงทักทายและยกมือไหว้ ผมรับไหว้แบบคนไม่มีเรี่ยวแรงเอาเสียเลย..
ลูกชายคนโตผู้เป็นเจ้าบ่าว หายาหอมและยาขับลมมาให้ทาน ผมนั่งพิงผนังห้องนอนจนถึงเที่ยงคืน...จึงได้ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไป...
เช้าขึ้นมา..เดินดูบริเวณบ้าน..ด้วยอาการหวาดผวากับเหตุการณ์เมื่อคืน..ตั้งใจว่าต่อไปนี้..จะไม่ฝืนและไม่ประมาท..ชีวิตนี้ไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น