สวัสดีค่า สำหรับกิจกรรมบำบัดในครั้งนี้ เราได้มีบทเรียนในหัวข้อ community survivors and learning skills ซึ่งเราได้ไปสัมภาษณ์บุคคลที่ใกล้ชิดซึ่งก็คือ ‘แม่’ ในเรื่องเกี่ยวกับความบกพร่องที่ส่งผลต่อกิจวัตรประจำวัน
สำหรับเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวันของแม่นั้นเกิดขึ้นเมื่อ2ปีที่แล้ว ในช่วงที่แม่อายุ50ปี เคยเกิดเหตุการณ์การที่เป็นอุบัติเหตุหกล้ม แล้วแม่เอามือค้ำพื้นไว้จนเกิดเอ็นข้อไหล่ข้างขวาฉีก ด้วยความที่ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอะไรมาก พักไปสักพักก็น่าจะหาย พอพักได้ประมาณเกือบเดือนแม่ก็กลับมาออกกำลังกายตามปกติทั้งๆที่แขนก็ยังเจ็บอยู่ เมื่อมีการใช้แรงเพิ่ม ทำให้เอ็นที่ฉีกนั้นฉีกมากขึ้นและทำให้เจ็บไหล่มากยิ่งขึ้น
ซึ่งการที่เอ็นไหล่ข้างขวาที่เป็นข้างที่ถนัดฉีกนั้น ส่งผลต่อกิจวัตรประจำวัน เช่น
ADLs
- กิจวัตรประจำวันพื้นฐานทั่วไปสามารถทำได้แต่ประสิทธิภาพจะลดลงหรือต้องให้ผู้อื่นช่วย เช่น การอาบน้ำก็จะปวดถ้าต้องยกไหล่มากๆต้องพยายามอาบโดยไม่ยกไหล่สูง แต่งตัวโดยใส่เสื้อผ้าบางอย่างไม่ได้ เช่น ชุดชั้นใน ชุดที่ต้องรูดซิบด้านหลัง เพราะเวลาใส่ต้องยกแขนเยอะทำให้เจ็บ ต้องให้ผู้อื่นช่วยใส่ให้
IADLs
- ทำงานบ้านได้ไม่ค่อยสะดวก ต้องให้คนอื่นช่วยทำให้
- การดูแลสมาชิกในครอบครัวบางกิจกรรมที่ต้องใช้กำลังแขนมากๆก็ทำได้น้อยลง
Rest and sleep
- นอนแล้วเจ็บเป็นบางท่า ถ้าลงน้ำหนักไปโดน
- ตอนกลางคืนก็จะเจ็บมากขึ้นทำให้นอนหลับไม่เต็มที่
Work
- กระทบต่อการทำงานเนื่องจากเจ็บแขนขวาซึ่งเป็นข้างที่ถนัด ทำให้เขียนงานลำบาก
Social participation
- ห่างจากสังคมที่เป็นกลุ่มออกกำลังกายไปเพราะไม่สามารถออกกำลังกายได้มากอย่างแต่ก่อน แต่ยังเข้าสังคมอื่นได้ เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนที่ทำงาน
ผ่านเหตุการณ์นั้นได้อย่างไร?
พอแม่รู้สึกว่าอาการที่เป็นมันหนักและทนไม่ไหวแล้ว แม่ก็ไปปรึกษาหมอ ซึ่งตอนแรกยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงว่าอาการที่เป็นเกิดจากเอ็นข้อไหล่ฉีก หมอจึงให้ไปทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูให้ดีขึ้น ทำให้เจอกับนักกายภาพ ช่วยใช้วิธีการต่างๆเพื่อบำบัดฟื้นฟู และให้คำแนะนำในการกลับไปฟื้นฟูและบรรเทาอาการตัวเองที่บ้าน เช่น บีบลูกบอล ทำท่ายืดแขน หรือเวลานอนก็เอาหมอนรอง ซึ่งก็สามารถบรรเทาอาการได้ แต่ก็ยังไม่หาย
จนสุดท้ายเมื่อหมอวินิจฉัยจนรู้ว่าสาเหตุมาจากเอ็นข้อไหล่อักเสบ แม่ก็ตัดสินใจผ่าตัด หลังจากผ่าตัดออกมาแล้วแม่ก็ใช้แขนอย่างระมัดระวัง ออกกำลังกายในระดับที่เหมาะสมตามที่หมอบอกเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อ แล้วอาการที่เป็นก็ค่อยๆดีขึ้นมาตามลำดับ จนตอนนี้แม่ก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ นอกจากนั้นแม่ยังเรียนรู้ที่จะถนอมร่างกายตัวเองมากขึ้น ไม่ฝืนออกกำลังกายถ้ามีอาการเจ็บ และระมัดระวังไม่ให้ตัวเองเกิดอุบัติเหตุมากขึ้น นับว่าเป็นเรื่องดีๆที่แม่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์นี้
ไม่มีความเห็น