ถึงประเทศไทย โลกกำลังจ้องมอง และรู้ความจริง


ในช่วงต้นของสัปดาห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวว่า “ทุกๆประเทศเข้าใจ และไม่กังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย นอกจากนั้นพวกเขายังไม่ได้เตือนพลเมืองของพวกเขาที่ห้ามเดินทางท่องเที่ยวในเมืองไทยอีกด้วย”

อันดับแรก ทำไมพวกประเทศต่างๆจึงต้องเตือนพลเมืองของตน? การประท้วงเป็นไปอย่างสันติ อันดับสองเราอยู่ในช่วงของการระบาดของโควิดที่เป็นไปทั้งโลก พร้อมกับมีการห้ามการท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่แล้ว น้อยคนมากที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว

แต่หากรัฐมนตรีต้องการที่จะรู้ว่าประเทศต่างๆคิดเช่นใด ฉันจะนำเสนอให้   

ฉันอยู่ในเดนมาร์กเป็นเวลา 10 ปี ตอนนี้ทำงานเป็นนักวิจัยและอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน

ก่อนการระบาด ประเทศนี้มีคน 5 ล้านคน และเดินทางไปโดยเครื่องบินถึงประเทศไทยทุกวัน ชาวเดนมาร์กรักที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศของเรา พวกเขารักชายหาด อาหาร และคนที่มีมิตรภาพหรือใจดี อย่างไรก็ตาม ความรู้เกี่ยวกับการเมืองไทยมีน้อยมาก ข่าวที่ในเดนมาร์กแทบจะไม่เคยกล่าวถึงประเทศไทยเลยจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

ด้วยการประท้วงของคณะราษฎรในวันที่ 20 กันยายน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และที่สนามหลวง ช่องที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเดนมาร์ก หรือ DR เน้นไปที่สารคดีครึ่งชั่วโมงเพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย

พวกเขาไม่ได้อ่านเพียงแค่รายการโทรทัศน์เท่านั้น (teleprompt) แต่ DR ยังมีทีมข่าวประจำอยู่ที่กรุงเทพฯด้วย เพื่อที่จะรายงานข่าวที่เกิดขึ้นที่นั่น

พวกเขาได้สัมภาษณ์เพนกวิน และถ่ายภาพเขาข้างๆองค์กษัตริย์ พวกเขายังขุดลึกไปถึงการวิเคราะห์สถานการณ์ในประเทศไทย และพูดถึงประเด็นต่างๆที่สื่อในเมืองไทยไม่กล้าพูดถึง อันเนื่องมาจากมาตรา 112 และการดูหมิ่นกษัตริย์

พวกเขายังได้สำรวจความร่ำรวยของกษัตริย์ การเกี่ยวข้องกับทหาร และประวัติศาสตร์ของการรัฐประหารในประเทศไทย

พวกเขารายงานเรื่องความโหดร้ายของมาตรา 112 และการถูกบังคับให้สูญหายไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งเคยสัมภาษณ์ถึงขบวนไทยภักดี ซึ่งเป็นพวกราชาชาตินิยมด้วย

พวกเขายังได้วิเคราะห์ถึงมุมมองของการล้างสมอง และตั้งคำถามที่ชวนคิดว่า “ใครกันแน่ที่ถูกล้างสมอง พวกจงรักภักดี หรือพวกนิยมประชาธิปไตย?”

นอกเหนือจากประเด็นเรื่องต่างๆที่กล่าวไปแล้ว สถานการณ์ในประเทศไทยยังถูกเสนอในข่าวอื่นๆในเดนมาร์กด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น สถานการณ์แบบเจาะลึกไม่ได้เคยเกิดเฉพาะในเดนมาร์กเท่านั้น แต่ยังกระจายไปตามสื่อต่างๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นเยอรมัน, ฝรั่งเศส, เกาะอังกฤษ, สวีเดน, นอร์เวย์, และประเทศอื่นๆ ล้วนแล้วแต่เสนอความขัดแย้งทางการเมือง และความแตกแยกในช่วงชั้นทางสังคม

รัฐบาลล้อมปราบในวันที่ 16 ตุลาฯเหรอ? ใช่แล้ว เดนมาร์กและยุโรปเห็นมันแบบเต็มๆเลยหละ

การเกิดขึ้นของสื่อทางเลือก คือขบวนการการทำให้ไทยเป็นอิสระ โดยคนไทยที่อาศัยอยู่นอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา หรือผู้อพยพก็ตาม ในแต่ละประเทศ ขบวนการทำไทยให้เป็นอิสระมีการจัดกิจกรรม และการประท้วงที่สนับสนุนประชาธิปไตย ก็เหมือนๆกับคนไทยกระทำในประเทศ

เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น เราไม่ล้างมันออกด้วยน้ำที่ผสมสารเคมีหรอก

เดนมาร์กมีราชวงศ์ แต่ไม่มีอะไรเหมือนๆกับประเทศไทย มันมีกฎหมายหมิ่นประมาทเหมือนประเทศไทย แต่ไม่ร้ายแรงเหมือนมาตรา 112 เดนมาร์กมีความรับผิดชอบ, ความโปร่งใส, การตรวจสอบซึ่งกันและกัน, ราชวงศ์ของเดนมาร์กอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นบางสิ่งที่แตกต่างจากประเทศไทย

ฉันเขียนนี่ขึ้นมาไม่ใช่เพื่อมาให้ร้ายประเทศไทย ตัวฉันและคนอื่นๆอาจอยู่นอกประเทศ แต่พวกเรายังเป็นคนไทย และเรายังต้องกาที่จะนำประชาธิปไตยมาสู่ประเทศ รวมทั้งสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานด้วย ขบวนการทำไทยให้เป็นอิสระกำลังเกิดขึ้นทั่วโลก พอๆกับคนไทยที่อยู่นอกประเทศร่วมมือกันเพื่อสนับสนุนคณะราษฎร เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพูดว่า “ทุกๆประเทศล้วนเข้าใจ....,” เขาอาจถูกถึงที่สุด

โลกกำลังจ้องมอง และมาเพื่อทำความเข้าใจถึงสัจธรรมที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย

แปลและเรียบเรียงจาก

Pimlapas Leekitcharoenphon. Dear Thailand, the world is watching and seeing the truth.

https://thisrupt.co/current-affairs/thailand-world-is-watching/

หมายเลขบันทึก: 687300เขียนเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2020 19:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2020 19:06 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท