คนสุพรรณบุรีต้องการอะไรเมื่อ...น้ำมา...นาหมด
ในการดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในเขตจังหวัดสุพรรณบุรี โดยคณะอาสาสมัครจากวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี ทางวิทยาลัยได้ทำการสำรวจพื้นที่พร้อมทั้งติดต่อประสานงาน จัดประชุมเตรียมความพร้อมก่อนลงพื้นที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้อาสาสมัครทุกคนรับทราบกฎระเบียบ และข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง เตรียมความพร้อมทั้งทางร่างกาย จิตใจ รวมทั้งการทบทวนความรู้ที่ได้รับให้พร้อมแก่การนำไปถ่ายทอดให้ประชาชนผู้ประสบอุทกภัยได้รับทราบ พร้อมทั้งดำเนินการมอบหมายหน้าที่รับผิดชอบ จัดแบ่งทีมการปฏิบัติงาน จัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน การออกให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ อาสาสมัครได้ทำภารกิจที่หลากหลาย ประกอบด้วย การร่วมออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่กับโรงพยาบาล ให้บริการสุขศึกษาประชาสัมพันธ์ทั้งรายบุคคลและรายกลุ่ม แจกเอกสารแผ่นพับโรคที่ต้องระวังและวิธีการคลายเครียด แจกยาและเวชภัณฑ์ ร่วมจัดและแจกถุงยังชีพ ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และหน่วยงานอื่นๆ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ ทำการออกเยี่ยมบ้านให้คำปรึกษาฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ประสบภัยน้ำท่วม และออกให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูสภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนหลังน้ำลด จากการออกปฏิบัติงานในพื้นที่ทำให้อาสาสมัครนักศึกษาวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธร จังหวัดสุพรรณบุรี ได้เกิดการรียนรู้และรับทราบสภาพความเป็นจริงใน ในประเดินดังต่อไปนี้ ด้านสภาพความเสียหาย สภาพความเสียหายจากสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดสุพรรณบุรี ปี 2549 พบว่ามีพื้นที่เสียหายจำนวน 10 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า อำเภสองพี่น้อง อำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอด่านช้าง อำเภอดอนเจดีย์ อำเภอศรีประจันต์ อำเภออู่ทอง และอำเภอหนองหญ้าไซ รวม 99 ตำบล 6 เทศบาลตำบล 1 เทศบาลเมือง 646 หมู่บ้าน 20 ชุมชน ประชาชนได้รับความเดือนร้อนรวมทั้งสิ้น 301,047 คน 94,291 ครัวเรือน มีความเสียหายทั้งในด้านพื้นที่ทางการเกษตร โรงเรือนสัตว์เลี้ยง ถนนชำรุด สะพานชำรุด วัด โรงเรียน สถานที่ราชการ รวมทั้งการเสียชีวิตของประชาชน จำนวน 18 คน จำแนกเป็น ชาย 13 คน หญิง 5 คน เมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุพบว่า ผู้เสียชีวิตมีอายุต่ำสุด 2 ปี และสูงสุด 78 ปี ในพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อำเภอบางปลาม้าอำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอเดิมบางนางบวช และอำเภอสองพี่น้อง เมื่อพิจารณาข้อมูลความเสียหายความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้นจำแนกรายอำเภอ ร่วมกับระยะทาง สถานที่ฝึกงาน และความสามารถของอาสาสมัครทางวิทยาลัยการสาธารณสุขสิรินธรจังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้เลือกพื้นที่ออกดำเนินรวม 5 อำเภอคือ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า อำเภอสองพี่น้อง อำเภออู่ทอง และอำเภอสามชุก ด้านประชาชนผู้ประสบอุทกภัย 1. มีสภาพความเป็นอยู่ลำบาก มีความไม่ปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน
จากการออกไปปฏิบัติงานพบว่า ประชาชนต้องย้ายที่อยู่มาพัก
อยู่บริเวณริมถนนที่มีแสงสว่างจากเสาไฟข้างทางเท่านั้น อีกทั้งยังมีรถประจำทางวิ่งผ่านอยู่ตลอดเวลา ทำให้เวลากลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะกลัวอันตรายถึงชีวิต ดังคำกล่าวของชายวัยกลางคนที่ว่า “ทางส่วนราชการไม่ได้จัดที่อยู่ให้เป็นสัดส่วน บ้านเราก็อยู่ไม่ได้ น้ำมันท่วมจริง ๆ” สอดคล้องกับคำกล่าวของหญิงวัย 32 ปี ที่ว่า “รถเขาขับกันมาเร็วมากเลย ไฟก็ไม่สว่าง” และคำกล่าวของชายวัย 30 ปีที่ว่า “ บางที่ตอนนอน ๆ อยู่กลางดึกกิ่งไม้ก็ตกลงมาใส่ รถก็แล่นเร็วน่ากลัว ที่กั้นทำเครื่องหมายจราจรก็ไม่มี น่ากลัวอันตรายแต่ก็ต้องทนนอนอยู่อย่างนี้แหละ อยากให้มีตำรวจมาดูแลบ้าง ขโมยก็มาก” 2. ความช่วยเหลือที่ได้ไม่ตรงตามความต้องการที่แท้จริง ไม่ทั่วถึงทุกครัวเรือน ต้องการจุดตรวจดูแลด้านสุขภาพและสุขาภิบาล จากการออกปฏิบัติงานพบว่า การที่หน่วยงานทั้งของภาครัฐและเอกชนเข้าไปช่วยเหลือในเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเดือนร้อนโดยการแจกถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยนั้น ประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับการแจกอย่างทั่วถึง ของในถุงบางชนิดไม่สามารถบริโภคได้เนื่องจากหมดอายุ ดังคำกล่าวของหญิงชราวัย 62 ปี ที่ว่า “ถุงยังชีพของไม่พอหรอก ใช้ระบบพรรคพวกบางบ้านได้ 2-3 ถุง บางบ้านก็ไม่ได้เลย” และดังคำกล่าวของชายวัย 47 ปี ที่ว่า “ของที่เอามาแจกเป็นถุง ๆ ไม่อยากได้หรอก ขอแค่ข้าวสารสักถังก็พอ กับข้าวหาเอาเองได้ไม่เดือนร้อน” สอดคล้องกับหญิงวัย 38 ปี ที่กล่าวว่า “ ของที่แจกเก่ากินไม่ได้ เอาไปหนักแล้วกินไม่ได้” ส่วนการช่วยเหลือในด้านสุขภาพอนามัยพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับยาที่ทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ และสถานีอนามัยเอาเข้ามาแจกเป็นจำนวนที่เพียงพอ แต่อยากให้มีการตั้งจุดตรวจในชุมชนเพื่อดูแลสุขภาพ และต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของส้วม ดังคำกล่าวของหญิงอายุ 28 ปี ที่ว่า “ น้ำท่วมไม่สามารถออกมาหาหมอได้อยากให้มีการตั้งจุดตรวจในหมู่บ้านริมทางบ้างก็จะดีกว่าที่เอายามาแจกเฉย ๆ” สอดคล้องกับคำกล่าวของชายวัย 30 ปี ที่ว่า “ผมรีบขนของตอนเช้ามา เลยเป็นแผลที่เท้าจะออกไปหาหมอก็ลำบาก เลยปล่อยเลยตามเลย เพราะต้องคอยดูลูกด้วย เงินก็ไม่มี ไม่รู้จะทำอย่างไร ถ้ามีหมอมาตรวจก็ดี” และคำกล่าวของหญิงชราวัย 61 ปี ที่ว่า “น้ำท่วมห้องน้ำเข้าไม่ได้อยากให้มีการช่วยเหลือในเรื่องนี้บ้าง” 3. ผู้ประสบอุทกภัยมีภาวะความเครียด และวิตกกังวลสูง มีความต้องการให้มีคนเข้าไปเยี่ยมพบปะพูดคุยระบายทุกข์ จากการออกปฏิบัติงานในพื้นที่พบว่า ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในครั้งนี้มีความวิตกกังวลสูง ทั้งจากสาเหตุของอาการที่ไม่ทราบว่าน้ำจะลดเมื่อไหร่ จะท่วมขังอยู่อีกนานหรือไม่ หลังน้ำลงจะมีคนมาดูแลในเรื่องการประกอบอาชีพ การชำระหนี้สินทำกินจะมีทางออกอย่างไร ดังคำกล่าวของชายวัย 38 ปี ที่พูดด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอขณะพูดที่ว่า “ ช่วยฟังผมพูดหน่อยเถอะผมกับพวกที่อยู่ข้างในไม่ค่อยกล้าจะพูด แต่ยุ้งข้าวเราเสียหายมากเลยคนข้างในเสียหายเท่าไหร่ไม่มีใครรู้ ให้เขาเข้าไปดูคนข้างในบ้าง บ้านเราอยู่ติดแม่น้ำมันลำบากจริงๆ ” สอดคล้องกับคำกล่าวของหญิงชราวัย 61 ปี ที่ว่า “ ฉันอยู่เฝ้าบ้านคนเดียว มีพวกหนูเข้ามาพูดคุยด้วยก็สบายใจคนอื่นเขามาก็มายื่นอยู่แค่หน้าบ้านแล้วก็ผ่านไป มีกลุ่มนี้แหละที่เข้ามานั่งคุยด้วย ขอบใจมาก ” สอดคล้องกับคำกล่าวของหญิงวัย 35 และ 49 ปี ที่ว่า “ไม่เคยมีใครมาพูดคุยในบ้านเขากลัวเปียก” และ “ ของไม่อยากได้หรอก อยากให้ใครมาเข้าใจความเป็นอยู่ปัญหาจริง ๆ ที่ประสบอยู่” และคำกล่าว ชายวัย 39 ปี ที่ว่า “ จะออกไปทำงานก็ไม่กล้าไปกลัวกลับบ้านมาขนข้าวขนของไม่ทัน แต่พอไม่ทำงานก็ไม่มีเงินมันเครียดจริง ๆ” และคำกล่าวของหญิงวัย 53 ปี ที่ “ ช่วยไม่ได้ขอให้ฟังก็ยังดี ถ้ามีโอกาสจะได้คุยให้คนที่สูงกว่าได้รู้บ้างว่าเราลำบากแค่ไหน จังหวัดอื่นเขายังได้ออกทีวีแต่สุพรรณไม่เห็นมีเลย ” 4. ความต้องการความช่วยเหลือที่ประชาชนต้องการจากการออกปฏิบัติงานในพื้นที่พบว่า ประชาชนอยากให้มีการ
เตือนภัยล่วงหน้า มีการวางแผนที่ดีว่าในระยะยาวจะทำอย่างไร ประชาชนจะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหาเดิมๆ ขณะน้ำท่วมขังอยากให้มีคนมาดูแลบ้าง มาพูดคุยปรับทุกข์ มีแพทย์มาดูแลด้านสุขภาพ หลังน้ำลดอยากจะให้ช่วยเรื่องการซ่อมแซมบ้าน หยุดพักชำระหนี้ ช่วยเรื่องประกอบอาชีพ ดังคำกล่าวของหญิงวัย 53 และ 49 ปี ที่ว่า “ไม่เคยมีใครมาพูดคุยในบ้านเขากลัวเปียก” “ ของไม่อยากได้อะไรหรอก อยากให้ใครมาเข้าใจความเป็นอยู่ปัญหาจริง ๆ ที่ประสบอยู่ ” และคำกล่าวของชายวัย 41 ปี ที่ว่า “ อยากให้ครั้งนี้เป็นบทเรียนนำไปวางแผนให้ดี อย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีก ถ้ามันเลี่ยงไม่ได้ก็เตือนล่วงหน้าหน่อยอย่าปล่อยให้มาถึงแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลยพอน้ำลดก็อยากให้ดูแลเรื่องทำมาหากินซ่อมแซมบ้านบ้าง ”ไม่มีความเห็น