วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ ผมช็อกเมื่อก้าวเข้าไปในล็อบบี้ของโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส เมื่อเวลาประมาณ ๖.๒๐ น. เพราะอยู่ในสภาพเหมือนร้าง ไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
ก่อนเข้าไปในโรงแรม มีเจ้าหน้าที่คนเดียว ทำหน้าที่วัดอุณหภูมิ โดยจึ้เครื่องไปทางติ่งหูของผม
นี่เป็นครั้งแรกในเวลาเกือบ ๓ เดือน ที่ผมออกไปประชุมที่โรงแรม โดยครั้งสุดท้ายไปประชุมที่สวนสามพราน เมื่อวันที่ ๑๓ มีนาคม ตอนนั้นที่สวนสามพรานก็ค่อนข้างเงียบ แต่ไม่เงียบเหมือนที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ตอนเช้ามืดวันนี้ มันอยู่ในสภาพวังเวง
ผมไปนั่งครอบครองพื้นที่ใน ล็อบบี้ คนเดียว เป็นเวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่ง เดี๋ยวนี้นั่งตรงไหนผมก็ทำงานได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีคนมา เจ้าหน้าที่โรงแรมมาทำงานเพิ่มขึ้น คนที่มาประชุมเดียวกันกับผมเริ่มมาเมื่อใกล้ ๘ โมงเช้า และมีเสียงเจ้าหน้าที่ในครัวส่งเสียงคุย ช่วยลดความวังเวง
ผมนั่งที่ ล็อบบี้ ของโรงแรมคนเดียว เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก่อนที่จะขึ้นไปที่ชั้น M ตามที่นัดช่างภาพของนิตยสาร Way ที่จะมาถ่ายรูปประกอบคำให้สัมภาษณ์เรื่องการศึกษา
หลายวันก่อนหน้านั้น ผมถามคุณหมี โชเฟอร์ประจำตัว ว่ามีนัดที่โรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส วันที่ ๑๐ เวลา ๘ น. ออกจากบ้านกี่โมงดี เธอตอบว่า ๖ โมง ซึ่งเป็นปกติสำหรับยุคก่อนโควิด แต่ในยุคโควิด เช้ามืดวันนี้ รถบนทางด่วนบางตากว่ามาก เราจึงไปถึงโรงแรมภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง
โรงแรมนี้เคยเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้ไม่มีผู้เข้าพักเลย ถามเจ้าหน้าที่ บอกว่าจะเริ่มมีผู้เข้าพักต้นเดือนกรกฎาคม
วิจารณ์ พานิช
๑๐ มิ.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น