ผมเขียนบันทึกชื่อ ทำงานหนุนจิตตปัญญาศึกษาไว้ที่ (๑)เมื่อสองปีที่แล้ว วันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ผมเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ โดยประชุมแบบ Video Conference (Webex Meeting) ได้ประสบการณ์ App ประชุมทางไกลอีกตัวหนึ่ง ซึ่งผมรู้สึกว่า สู้ Zoomไม่ได้ แต่ก็ได้รู้ว่า มหาวิทยาลัยมหิดลใช้ MS Teams เป็นหลัก
ได้รับรู้เรื่องเวทีวิจัยมนุษยศาสตร์ไทย ครั้งที่ ๑๔ ที่จะจัดระหว่างวันที่ ๗ – ๑๑ กันยายน ๒๕๖๓ ศูนย์จิตตปัญญาศึกษาร่วมกับคณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดการประชุม ซึ่งเดิมวางแผนใช้สถานที่ที่มหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา เป็นที่ชัดเจนว่า คงจะจัดแบบเดิมไม่ได้ คงจะต้องจัดแบบทางไกลเป็นหลัก
มหาวิทยาลัยมหิดลกำลังดำเนินการควบรวมศูนย์จิตตปัญญาศึกษากับสถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ผมให้ความเห็นว่าทั้งสองหน่วยงานทำงานด้านการเรียนรู้เช่นเดียวกัน โดยศูนย์จิตตปัญญาศึกษาทำเรื่องการเรียนรู้ด้านใน สถาบันนวัตกรรมการเรียนรู้ ทำเรื่องการ transform การเรียนรู้ทุกด้าน ควรดำเนินการควบรวมให้เกิดการการสร้าง synergy และเข้าสู่ชีวิตจริงของคนทั้งมวลตลอดชีวิต
วาระรับรองรายงานการเงิน ตอนแรกผมคิดว่าหน่วยงานนี้เป็นหน่วยงานที่เลี้ยงตัวเองได้ แต่เมื่อดูลงไปในรายละเอียด สองในสามของรายได้มาจากเงินสนับสนุนของมหาวิทยาลัยมหิดล ผมจึงเสนอให้ศูนย์ดำเนินการหารายได้จากการทำงานเพิ่มขึ้น เพราดูจากรายงานการทำงาน มีงานหลายด้านที่มีลู่ทางหาเงินมาทำงานได้
ตัวอย่างเช่น ร้านสุกี้ เอ็มเค ทำโครงการจากใจสู่ใจ ให้เงินสนับสนุนโครงการ ๒ ล้านบาท ให้ศูนย์ฯ ดำเนินการอบรมผู้ต้องขังให้สามารถออกมาทำงานในสังคมได้ เมื่อหมดโทษ เป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อสังคมยิ่ง นอกจากนั้น ศูนย์ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อีกมากทั้งด้านวิชาการและการพัฒนาจิตใจด้านใน
มีการนำเสนอหลักการความร่วมมือจัดหลักสูตรระดับปริญญาโท ศิลปะการแสดงเพื่อการพัฒนามนุษย์ (Performance Arts for Human Development) เป็น joint degree ร่วมกับคณะศิลปกรรมศาสตร์ มรภ. สวนสุนันทา และคณะกรรมการได้ให้ข้อมูลสำหรับนำกลับไปพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพสูง ผมเสนอให้มีวิชาด้าน neuroscience ให้นักศึกษาได้เรียนรู้ว่า การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีจังหวะและทำร่วมกันเป็นทีมมีผลพัฒนาสมองมนุษย์อย่างไร
ศูนย์มีความร่วมมือกับแผนสุขภาวะทางปัญญา ของ สสส. มาก และมีกรรมการแนะนำว่า ในยุควิกฤตโควิด ๑๙ สสส. ยิ่งมีความต้องการมากขึ้น วิกฤตนี้ช่วยให้เราตระหนักว่า สขุภาวะทางปัญญาด้านในมีความสำคัญมากต่อชีวิตที่ดี
เมื่อมีการหารือเพื่อหารายชื่อผู้สมควรเชื้อเชิญมาเป็นกรรมการอำนวยการของศูนย์ รศ. ประภาภัทร นิยม เล่าว่าที่ มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย (มจร.) มีสำนักงานพระสอนศีลธรรม โดยทำงานร่วมกับมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) มีพระทำงานทั่วประเทศถึง ๑๘,๐๐๐ รูป มีพระแกนนำอยู่กว่า ๒๐ รูป มีพระศรีธรรมภาณีเป็นผู้นำ
การทำหน้าที่ที่ปรึกษาคณะกรรมการอำนวยการของศูนย์จิตตปัญญาศึกษา ช่วยให้ผมได้รับรู้เรื่องดีๆ ให้ความสุขใจ ที่จริงยังมีกิจกรรมดีๆ มีคุณภาพสูงในเว็บไซต์ของศูนย์ (๒)อีกมาก
วิจารณ์ พานิช
๑๓ พ.ค. ๖๓
ไม่มีความเห็น