ผมได้แนวความคิดในการเขียนบันทึกนี้จากการร่วมประชุมสภา มช. เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๖๓ จากการที่มีวาระเรื่อง แผนปฏิบัติงานระยะ ๔ ปี ของคณบดีคณะมนุษยศาสตร์ ที่กรรมการสภาฯ ให้ความเห็นไปในทางที่ก้าวหน้ามาก มีการพูดถึง transformation ของมนุษยศาสตร์ รวมทั้การบูรณาการศาสตร์นี้เข้ากับศาสตร์อื่น และเข้ากับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน
ทำให้ผมเกิดความคิดว่า เรื่องที่สภามหาวิทยาลัยแนะนำควรมาก่อนการสรรหาบุคคลมาทำหน้าที่คณบดี เพราะภารกิจที่สภาแนะนำต้องการคนที่มีจริตเป็น change agent หรือ leader มาทำหน้าที่บริหาร จึงจะทำงานนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่มอบให้คนที่เป็นนักบริหารตามปกติเป็นผู้รับภาระ
กล่าวใหม่ งานที่สภาฯยุให้ท่านคณบดีทำในวันนี้ เป็นงานที่มีความท้าทายสูงมาก ควรจะเป็นข้อตกลงก่อนการสรรหา จึงจะเป็นธรรมทั้งต่อบุคคลที่อาสาเข้ามาทำหน้าที่ และเป็นธรรมต่อสถาบัน คือ มช. และเพื่อให้ในการสรรหาเน้นเลือกคนที่จะมาบริหารการเปลี่ยนแปลงแบบ radical change หรือ transformation ใช่คนที่จะมาทำหน้าที่บริหารแบบเดิมๆ บวกกับการพัฒนาเล็กๆ น้อยๆ
ทำให้เกิดความคิดว่า สภามหาวิทยาลัยควรระดมความคิด เรื่องการ transform บางคณะ ที่คิดว่า ต้องการ radical change ก่อนมีการสรรหาคณบดี เพื่อนำความเห็นของสภาไปใช้ในการสรรหาคนที่เหมาะสมมาทำหน้าที่ และเพื่อให้ผู้อาสาเข้ามาทำหน้าที่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะต้องเข้าไปทำอะไร
วิจารณ์ พานิช
๒๕ เม.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น