บันทึกชุด ความฉลาดรวมหมู่ตีความจากหนังสือ Big Mind : How Collective Intelligence Can Change Our World (2018) เขียนโดย Geoff Mulgan ศาสตราจารย์ด้าน collective intelligence, public policy & social innovation แห่ง UCL และเป็น CEO ของ NESTA โดยในตอนที่ ๓ นี้ ตีความจากบทที่ 5 The Organizing Principles of Collective Intelligence
การเกิดความฉลาดรวมหมู่มี ๓ องค์ประกอบสำคัญ คือ (๑) ความสามารถในการทำกิจกรรม (functional capabilities) (๒) โครงสร้างพื้นฐาน (infrastructures) และ (๓) การจัดระบบกิจกรรม (organizing) บทที่ ๓ นี้ ว่าด้วยการจัดระบบ ซึ่งมีหลักการ ๕ ประการคือ
ความฉลาดรวมหมู่จะเกิดขึ้นได้สมาชิกต้องมีวัฒนธรรมของการและเปลี่ยนแบ่งปันข้อมูล ความคิด ความเชื่อ สมาชิกสามารถแสดงข้อคิดเห็นของตนที่แตกต่างจากคนอื่นได้อย่างสบายใจ เพื่อให้เกิดพื้นที่ของการสานเสวนาสู่ปัญญาที่ลึกซึ้งและเชื่อมโยงยิ่งขึ้น สมาชิกเปิดใจให้ความเห็นและรับฟังกัน ไม่มีคนยึดกุมอำนาจหรือทำตัวเด่นเพียงผู้เดียว
สมดุลในที่นี้หมายถึงสมดุลระหว่างองค์ประกอบทั้ง ๑๐ ที่กล่าวแล้วในตอนที่ ๑ แค่ไหนถือว่าสมดุลขึ้นอยู่กับบริบทของกิจกรรมนั้นๆ ข้อนี้มีสุภาษิตไทยว่า “ปัญญาท่วมหัวเอาตัวไม่รอด” เพราะไม่รู้จักกาลเทศะ มีปัญญา (ความฉลาด) แต่ไม่มีสติกำกับ
องค์ประกอบของความฉลาดรวมหมู่ ๑๐ ประการนั้น บางประการเป็นขั้วตรงกันข้ามกัน เช่น กลุ่มอาจมีความสามารถในการสังเกตและรับรู้สูง ทำให้มีข้อมูลมาก (องค์ประกอบข้อ ๒) จนเกิดความสับสน นำไปสู่การตัดสินใจ (องค์ประกอบข้อ ๙) ผิดพลาด
การใช้ความฉลาดรวมหมู่เพื่อแก้ปัญหาที่ซับซ้อนนั้น ต้องโฟกัสหรือจับประเด็นสำคัญที่จะต้องดำเนินการ แต่ก็ต้องไม่ละเลยประเด็นปลีกย่อยบางประเด็นที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ที่อาจทำให้ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของกลุ่มหรือทีมอ่อนแอลงไป หรือเกิดความขัดแย้ง
กลุ่มต้องมีการใคร่ครวญไตร่ตรองร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลไม่ออกมาตามที่คาดหมาย ต้องร่วมกันตั้งคำถามและหาคำตอบว่าสมมติฐานที่กลุ่มใช้อาจไม่ถูกต้อง นำไปสู่การเรียนรู้ และการเปลี่ยนใจ
เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุด และยากที่สุด เพราะเป็นการบูรณาการความหลากหลายสู่ความเป็นหนึ่งเพื่อการตัดสินใจสู่การปฏิบัติ เป็น “ปัญญา” (wisdom) ที่แท้จริง เพราะเป็นขั้นตอนของการสร้างสิ่งสามัญ (simplicity) จากสิ่งซับซ้อน (complexity) เป็นการเคลื่อนจาก “ความเข้าใจ” (understanding) สู่ “การปฏิบัติ” (action) โดยที่เป็นการตัดสินใจเลือกในท่ามกลางตัวเลือกที่หลากหลายและซับซ้อน ที่เขาเรียกว่า high-dimensional choices
หลักการจัดระบบ (organize) กลุ่ม เพื่อให้เกิดความฉลาดรวมหมู่ ทั้ง ๕ ประการนี้ จะช่วยให้สมาชิกกลุ่มคิดร่วมกันได้ชัดเจนเกี่ยวกับ อดีต (ความจำร่วม), ปัจจุบัน (สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น), และอนาคต (การตัดสินใจเลือกทางเลือกใดทางเลือกหนึ่ง)
แต่พึงตระหนักว่า การจัดระบบเป็นการกระทำ (action) ย่อมมีปฏิกิริยาต้าน (reaction) เป็นธรรมดา ไม่มีการจัดระบบใดเกิดขึ้นในสุญญากาศ ไร้แรงต้าน
ระบบที่เกิดขึ้นจากการจัดโดยใช้หลักการทั้ง ๕ นี้ มีธรรมชาติที่เปราะบาง และอ่อนแอลงได้ง่าย ในทำนองเดียวกันกับที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นก็ได้ แต่การสร้างระบบความฉลาดรวมหมู่จะไม่เหมือนการสร้างบ้าน ที่เมื่อสร้างเสร็จก็อยู่ได้อย่างสบายไปอีก ๒๐ ปี หรือ ๕๐ ปี โดยมีการบำรุงรักษาเพียงเล็กๆ น้อยๆ ตรงกันข้าม ระบบความฉลาดรวมหมู่จะมีพลวัตเกิดขึ้นทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัวอยู่ตลอดเวลา และโดยธรรมชาติแล้ว จะไม่อยู่ยั้งยืนยง
ดังเราจะเห็นว่าอาณาจักรโบราณรุ่งเรืองถึงขีดสุด ดำรงอยู่หลายร้อยปี แล้วมีความยุ่งยาก เสื่อมลง และสลายตัวไป อาณาจักรแล้วอาณาจักรเล่า
วิจารณ์ พานิช
๙ เม.ย. ๖๓
ไม่มีความเห็น