51 วิธีคิดของหัวหน้า ที่ลูกน้องอยากทำงานด้วย (อิวะตะ มัตสึโอะ)
1. ไม่ต้องเก่งก็เป็นหัวหน้าได้
ถ้าเราลงมือทำ ไม่ว่าอย่างไรก็จะมีคนมองเห็นอย่างแน่นอน ถ้าเราตั้งใจจริงคนรอบข้างก็จะช่วยผลักดันเราขึ้นไปเอง
2. การเป็นหัวหน้าที่ดีไม่ใช่พรสวรรค์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิด
แต่เริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนความคิดเรื่องภาพลักษณ์ของหัวหน้า พยายามเป็นหัวหน้าระดับที่ 5 ที่อ่อนน้อมถ่อมตนและดีกับทุกคนให้ได้ก็พอแล้ว
3. ลงมือทำเองก่อนให้คนอื่นทำ
ขัดเกลาตัวเองก่อนที่จะปกครองคนอื่น ก่อนที่จะออกคำสั่งหรือปกครองใคร คนเป็นหัวหน้าต้องฝึกฝนและควบคุมตัวเองให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้าแม้นตัวเองยังควบคุมไม่ได้ก็ไม่มีทางจะไปควบคุมคนอื่นได้เลย
4. ลูกน้องมองนิสัยของหัวหน้าเป็นหลัก
ลูกน้องจะคอยสังเกตหัวหน้าอยู่ตลอดเวลาครับไม่เฉพาะแต่เรื่องการทำงานเท่านั้น ผู้ยิ่งใหญ่ที่ถ่อมตัวนั่นเป็นผู้ที่น่านับถือ และสิ่งที่หัวหน้าควรทำที่สุดคือการแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาต่างหาก
5. ประสบการณ์ความล้มเหลวจะทำให้เข้าใจความเจ็บปวดของคนอื่น
เพราะประสบการณ์เหล่านี้ช่วยเปลี่ยนความคิดและมุมมอง มันทำให้ผมจินตนาการออกว่าการกระทำของตัวผมเองสามารถทำให้คนอื่นเจ็บปวดได้อย่างไร ก่อนจะทำทำอะไรผมต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนเสมอ
6. ให้ความสำคัญที่หน้าร้าน (ภาพลักษณ์องค์กร)
รายได้เกิดขึ้นที่หน้าร้าน และหัวหน้าต้องมีลูกน้องที่เต็มใจทำงานให้ ดังนั้น คนที่หัวหน้าต้องใส่ใจเป็นพิเศษจึงจะควรเป็นลูกน้อง นอกจากจะสนใจสีหน้าท่าทางของคนที่ตำแหน่งสูงกว่าแล้ว เรายังต้องหันกลับมามองท่าทีตัวเองมีต่อลูกน้อง รวมทั้งใส่ใจและสนใจคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำกว่าด้วย
7. เข้าใจในความหน้ากลัวของอำนาจ
ตำแหน่งไม่ใช่อำนาจแต่คือความรับผิดชอบ เราต้องตระหนักด้วยว่าอำนาจจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบ คนที่เอาชนะสิ่งเย้ายวนอันหอมหวานเท่านั้นที่จะคว้าตำแหน่งมาไว้ในมือ (ถ้าเราอยู่ในตำแหน่งที่มีลูกน้อง 100 คน นอกจากเงินในมืเราจะมากขึ้นแล้ว ยังหมายความว่าความสุขของคน 100 คน นั้นก็อยู่ในมือเราด้วย)
8. หัวหน้าควรเริ่มสร้างภารกิจ
สร้างภารกิจที่ทุกคนเห็นตรงกัน สร้างภารกิจที่จะทำให้ทุกคนมุ่งมั่นตั้งใจ แล้วมันจะกลายเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในที่สุด เช่น สตาร์บัคส์ไม่มีคู่มือการบริการ แต่เพราะบริษัทได้มอบหมายภารกิจการบริการที่เยี่ยมยอดให้กับพนักงานทุกคนแล้วนั้นเอง
9. ตระหนักว่าตัวเองถูกจับตามองอยู่เสมอ
แม้แต่ในห้องน้ำ ความมุมานะของหัวหน้า จะส่งอิทธิพลไปถึงลูกน้องด้วย หัวหน้าต้องมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอว่าในระยะยาวแล้วเราจะดีขึ้น เวลาอยู่ต่อหน้าลูกน้องต้องยึดมั่นในความรู้สึกที่ว่า แม้มีโอกาสแค่ 1% แต่เราต้องทำได้อย่างแน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วงเลย
ไม่ต้องทำเป็นเก่งตลอดเวลา หัดแสดงความอ่อนแอออกมาบ้าง องค์กรไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยคนเพียงคนเดียว ไม่ว่าจะทำเป็นเก่งสักแค่ไหน สุดท้ายหัวหน้าก็ไม่สามารถแก้ได้ทุกปัญหาอยู่ดี ดังนั้น จึงควรแสดงจุดยืนว่าต้องการให้ทุกคนช่วยเหลือและสนับสนุนมากกว่า เพราะนั่นจะยิ่งทำให้ลูกน้องรู้สึกว่า อยากอยู่ด้วยกับคุณมากขึ้นไปอีก
10. หัวหน้าไม่จำเป็นต้องพูดเก่ง
คำพูดและการกระทำในแต่ละวันคือสิ่งที่สร้างความเชื่อใจให้แก่กัน เพราะคำพูดและการกระทำของหัวหน้าล้วนเป็นการสื่อสารทั้งสิ้น ลูกน้องจะดูหัวหน้าออกว่าเป็นอย่างไรได้อย่างทะลุปรุโปร่งภายใน 3 วัน และการกระทำบางครั้งการช่วยรักษาหน้าผู้อื่นไว้ก็เป็นสิ่งสำคัญที่หัวหน้าต้องทำ และควรสอนลูกน้องให้เข้าใจเรื่องแบบนี้ด้วย
11. แค่คำพูดคำเดียวก็สามารถสร้างแรงจูงใจให้ลูกน้องได้
ถึงแกจะพลาด บริษัทก็ไม่เจ๊งหรอก หัวหน้าสามารถใช้คำพูดแค่ประโยคเดียวสลายความวิตกกังวลและสร้างแรงจูงใจให้ลูกน้องกล้าฝ่าฟันทำงานได้ คำพูดของหัวหน้ามีพลังถึงเพียงนั้นเชียวล่ะครับ และเสี้ยววินาทีแห่งการเกิดประกายไฟ แรงบันดาลใจในการทำงานเป็นสิ่งที่เราควรคำนึงถึงตลอดเวลา เพราะมันจะคอยกระตุ้นเตือนให้รู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำงานของเราคืออะไร
12. หัวหน้าต้องหมั่นถามความคิดเห็นของลูกน้อง
แสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจนว่า อยากทำงานไปด้วยกัน
13. การสื่อสารที่ออกมาจากความคิดของตัวเองและคำพูดที่กลั่นออกมาจากใจ
นี้เองคือสาเหตุที่ทำให้บริษัทเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
14. การสร้างคำพูดง่ายๆให้ติดหู แล้วทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
จะสามารถสร้างขวัญกำลังใจให้กับคนในองค์กรได้เป็นอย่างดี
15.ส่งข้อความผ่านจดหมายจากประธานบริษัท
การสื่อสารด้วยการเขียนจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์อย่างมาก ย้ำเรื่องสำคัญหลายๆครั้ง
16.วิธีต่อว่าด้วยคำพูดที่ไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียความรู้สึก
ควรตำหนิว่า ไม่สมกับเป็นคุณเลยนะ หรือ มือขั้นนี้แล้วคุณยังทำไม่ได้หรือ ก่อนตักเตือนให้เอ่ยชมก่อน แต่ถ้าเป็นความผิดร้ายแรงต้องต่อว่าหรือตวาดหรือดุด่าก็ตาม เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น ลูกน้องคนอื่นๆอาจจะเห็นว่าเป็นพฤตกรรมที่ยอมรับได้
17.เคล็ดลับในการพูดต่อหน้าคนจำนวนมากให้ประสบความสำเร็จคือการเตรียมตัว
ในการพูดหัวหน้าไม่จำเป็นต้องทำเป็นเก่ง ถึงจะเป็นแค่หัวหน้าที่ธรรมดาก็ไม่เห็นเป็นไร การสื่อสารด้วยความจริงใจจะทำให้คนรอบข้างอยากอยู่ด้วยครับ
18. การเป็นหัวหน้าไม่ได้แปลว่ายิ่งใหญ่กว่าคนอื่น
ใช้ความรู้สึก อยากให้ทุกคนมีความสุขนี่แหละที่เป็นพลังขับเคลื่อนที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเป็นหัวหน้า
19. ต้องเริ่มด้วยการสนใจลูกน้อง
และต้องรู้จักใส่ใจลูกน้องของลูกน้องด้วย สร้างความสัมพันธ์ไปทีละเล็กละน้อยโดยไม่ต้องพึ่งพาเหล้า
20. พยายามวางตัวให้เป็นกลาง
โดยที่รู้จักเข้าหากับทุกคนไม่อย่างนั้นจะยิ่งห่างไกล เรื่องบางเรื่องนั้นถ้าไม่ไปให้ถึงที่ หรือไม่ได้พูดคุยโดยตรงกันแล้วก็จะไม่มีวันเข้าใจมันอย่างถ่องแท้ได้เลย
21. เวลาที่ขอให้ใครทำงานให้จงเริ่มจากคำว่าทำไมจึงขอความร่วมมือให้ทำแบบนี้
เพราะจะทำให้อีกฝ่ายตระหนักในหน้าที่ตนเอง คุณต้องไม่สักแต่ว่าสั่งให้ทำอะไรๆ แต่ควรอธิบายให้ลูกน้องเข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำสิ่งนั้น และข้อแนะนำคือคุณต้องเอ่ยปากชมเขาเสียก่อน ให้การชมเชยมีอยู่เสมอ
22. การประเมินต้องมองให้รอบด้านทั้งด้านบนด้านข้างและด้านล่าง
ถามความคิดเห็นจากลูกน้องของลูกน้องอีกชั้นด้วย จากประสบการณ์ผมพบว่าคนที่ชอบประจบเจ้านายมีแนวโน้มที่จะอยากให้คนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าเขามาประจบตัวเขาเองด้วย การตัดสินว่าใครจะได้เลื่อนตำแหน่งคือการบอกกับทุกคนว่าองค์กรต้องการคนแบบไหน เวลาที่มีการแต่งตั้งหรือเลื่อนตำแหน่งก็เปรียบเสมือนว่าผู้บริหารกำลังส่งสารถึงบุคลากรทุกๆคนว่าคนแบบนี้จะได้มีความก้าวหน้าในองค์กร
23. ใช้สัญชาตญาณมาช่วยในการกำหนดนโยบาย
กลับไปมองจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งเสมอ แม้จะไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลมาอธิบายแต่มนุษย์เราก็จะมักสัมผัสได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออะไร ควรตั้งเป้าหมายให้ใหญ่เข้าไว้ การทิ้งเหตุผลเล็กๆน้อยๆไปแล้วหันมาใช้ความรู้สึกเป็นตัวกำหนดเป้าหมายทั้งระยะกลางหรือระยะยาวก็เป็นทางเลือกที่ดีครับ
24. หัวหน้าต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
จงคิดว่าผลลัพธ์จะปรากฏให้เห็นก็ต่อเมื่อเวลาผ่านไปแล้วประมาณครึ่งปี คนเป็นหัวหน้าจึงควรใช้เวลา 3 เดือนแรกในการทำความเข้าใจภาพรวมของงานเสียก่อนแล้วค่อยลงมือทำ อาจเริ่มจากการทำรายงาน คิดแนวทางกลยุทธ์ใหม่ๆเสียก่อนแล้วจึงลงมือปฏิบัติจริงในช่วง 3 เดือนต่อมาก็ได้ หาแนวทางประเมินลูกน้องที่กระบวนการมากกว่าผลลัพธ์ และหัวหน้าไม่ควรมองที่ผลงานลูกน้องเท่านั้นแต่ควรพิจารณาไปถึงวิธีหรือกระบวนการทำงานของพวกเขาด้วย
25. จงเลือกเป็นคนดีมากกว่าทำได้ดี
ระวังลูกน้องที่ทำงานเก่งแต่นิสัยไม่ดี ยิ่งคุณมีตำแหน่งสูงขึ้นมากเท่าไหร่นิสัยหรือคุณธรรมก็ยิ่งต้องมีความสำคัญกว่าทักษะมากขึ้นเท่านั้น ถ้าคิดจะก้าวหน้าจงขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้น หากตั้งเป้าแค่ให้ได้ผลลัพธ์งานที่ดี คนที่มีคุณสมบัติแค่ทำได้ดีก็คงเพียงพอกับความต้องการนี้ แต่เราควรตั้งความหมายให้สูงกว่านั้นด้วยการมุ่งสู่การเป็นคนดี แม้จะพัฒนาทักษะการทำงานให้สูงขึ้นมากแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องเจอขีดจำกัดอยู่ดี ดังนั้นจึงควรหันไปพัฒนานิสัยหรือคุณธรรมควบคู่ด้วย เพราะมันเป็นสิ่งที่ช่วยนำไปสู่ความก้าวหน้าที่มั่นคงกว่า
26. มีวิธีร่วมงานกับหัวหน้าหรือลูกน้องที่เข้ากันไม่ได้
ควรอธิบายให้พนักงานใหม่เข้าใจเรื่องรายได้ต่อชั่วโมงชัดเจน ใช้อำนาจของการเป็นหัวหน้าในยามที่จำเป็น ต้องบอกความรู้สึกของตัวเองออกไปอย่างจริงใจเสียก่อนจึงสามารถช่วยกันพัฒนาความสัมพันธ์ได้ สิ่งสำคัญคือการพูดคุยกันโดยปราศจากอคติครับ การร่วมงานกับลูกน้องหรือหัวหน้าที่เข้ากันไม่ได้ จะทำอย่างไร จะรับมืออย่างไร ถือเป็นบททดสอบอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นหัวหน้าและประสบการณ์แบบนี้นี่เองที่จะมีส่วนช่วยให้เรากลายเป็นหัวหน้าที่ลูกน้องอยากอยู่ด้วยในวันข้างหน้าครับ
27. หัวหน้าต้องไม่มั่นใจในผลงานของลูกน้อง
ไม่ต้องตัดสินใจให้ฉับไวเสมอไปก็ได้ อันดับแรกคือต้องรู้ว่ารอได้ถึงเมื่อไหร่ และยังไม่ตัดสินใจหรือเลื่อนมันออกไปได้นานแค่ไหนเพื่อการใคร่ครวญก่อน ไม่กลัวที่จะกลับคำ ถึงจะต้องกลับคำหรือลังเลจนถึงวินาทีสุดท้ายก็ไม่เป็นไรเลย
28. ไม่นำข้อเท็จจริงมาปะปนกับความคิดเห็น
มั่นใจในตัวลูกน้องได้แต่อย่ามั่นในในผลงานของเขาสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญที่สุดคือข้อเท็จจริง เมื่อฟังรายงานจากลูกน้องสิ่งแรกที่ต้องทำคือการตรวจสอบข้อเท็จจริงหลังจากนั้นจึงค่อยถามว่าพวกเขามีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะได้ฟังแค่ความคิดเห็นโดยไม่ได้ข้อเท็จจริงเลย
29. ถ้ามีเรื่องที่ลังเลว่าควรจะทำหรือไม่คำตอบคือจงลองทำดู
หัวหน้าต้องกล้าที่จะทำเรื่องท้าทายอย่างมีสติ เป็นความท้าทายที่น่าจะเป็นประโยชน์ จะลองทำดูหรือฝึกให้คนทั้งองค์กรมีใจรักความท้าทาย หนึ่งในวิธีการกระตุ้นลูกน้องที่ได้ผลดีคือให้ลุยไปเลย และพูดให้ชัดเจนด้วยว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมาหัวหน้าจะรับผิดชอบเอง แต่อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับการคัดเลือกคน ไม่ว่าจะเลื่อนตำแหน่งหรือรับคนเข้าทำงานในองค์กรต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ คุณจำเป็นต้องมองให้รอบด้านมองให้ลึก
30. เชื่อมั่นอยู่เสมอว่าเราทำได้
ห้ามคิดว่าชีวิตจะจบสิ้นแน่เลยถ้าไม่ได้อยู่กับองค์กรนี้ อย่าคิดอย่างนั้นถ้าทุ่มเทจนสุดตัวพระเจ้าจะไม่ใจร้ายกับคุณแน่นอน
31. พัฒนาความสามารถด้านการตัดสินใจของลูกน้อง
ซักไซ้เหตุผลเสมอเพื่อให้ลูกน้องได้ฝึกตัดสินใจ ลูกน้องสามารถลดราคาให้ลูกค้าได้มากแค่ไหนต้องหัดมองในมุมมองของลูกค้าด้วย คนเป็นหัวหน้าต้องรู้จักสอนลูกน้องว่าควรจะรับมือกับสถานการณ์ที่มีการเจรจาต่อรองอย่างไร อย่ายึดตัวเองเป็นหลักแต่ควรคิดและต่อรองด้วยมุมมองของอีกฝ่ายด้วยเสมอ
32. หัวหน้าต้องไม่หนี
ห้ามพูดว่าเพราะเบื้องบนสั่งมาจึงเกิดเหตุแบบนี้เด็ดขาด หัวหน้าต้องชี้แจงให้ลูกน้องฟังอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเพราะอะไรจึงปฏิเสธข้อเสนอนี้ หรือเพราะเหตุใดจึงทำแบบนี้ คนเป็นหัวหน้าต้องอธิบายเหตุผลให้ได้ ฝึกฝนความสามารถในการตัดสินใจอยู่เป็นประจำ หัวหน้าจะหนีไม่ได้เป็นอันขาดครับ เพราะการหนีคือการพาองค์กรเข้าสู่ภาวะวิกฤตโดยตรง
33. หัวหน้าต้องไม่หยุดอยู่กับที่
เริ่มจากลงมือทำให้คนอื่นดูเป็นแบบอย่างเสียก่อน หากหัวหน้าทำให้เห็น คนรอบข้างก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงเองโดยอัตโนมัติ ถ้าจะคิดการใหญ่ก็ต้องจัดการกับเป้าหมายเล็กๆให้ได้เสียก่อน ยิ่งเป็นเรื่องเล็กน้อยหัวหน้าก็ยิ่งต้องจับตามอง และถ้าเห็นว่าเรื่องนั้นน่าจะเป็นปัญหาก็ไม่ต้องรีรอให้ลงมือจัดการด้วยตัวเองได้เลย
34. ใส่ใจเรื่องเวลาที่ใช้กับผลลัพธ์ที่ได้อยู่เสมอ
ระหว่างปุ่มหมายเลขชั้นกับปุ่มปิดประตูลิฟต์คุณจะเลือกกดปุ่มไหนก่อนล่ะ (ไม่เสียเวลารอลิฟต์ปิดเอง) เราทุกคนต่างมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่าๆกันแต่บางคนก็ทำตัวเฉยชาในขณะที่บางคนทำทุกอย่างอย่างรวดเร็ว สาเหตุก็เพราะคนเรามีวิธีคิดว่าจะใช้เวลาอย่างไรไม่ให้สูญเปล่าแตกต่างกัน ทำสิ่งที่ทำได้ทันที การทำสิ่งที่ทำได้ในทันทีจะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น
35. หาเวลาหยุดอยู่กับที่เสียบ้าง
หาเวลาให้ได้ 3 ชั่วโมง/วันขึ้นไป จำเป็นต้องมีช่วงหยุดอยู่กับที่ให้เราได้มีเวลาคิดทบทวนเรื่องต่างๆให้รอบคอบด้วยเช่นกัน อย่าจดแค่สิ่งที่ต้องทำแต่ให้เขียนผลลัพธ์ที่ได้ลงไปในบันทึกด้วย ลองตรวจสอบการทำงานใน 1 วันของคุณดู ควรบันทึกผลลัพธ์ลงในสมุดจดบันทึกตารางงานด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ช่วยคุณในเรื่องการบริหารเวลาและยังจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานด้วย
36. การดูแลตัวเองจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
เที่ยงคืนแล้วคุณนอนหรือยัง การตระหนักถึงและบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพอยู่เป็นประจำคือสิ่งที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการทำงานของคุณ แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการใส่ใจดูแลตัวเอง ผมคิดว่าเที่ยงคืนเป็นเส้นแบ่งเวลาที่สำคัญเราควรนอนก่อนเที่ยงคืน ถึงจะไม่ง่วงแต่ควรหลับตาพักผ่อนหรือเปล่า พฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลต่อสภาพร่างกายของเราในวันถัดไป ถ้าหลับหลังเที่ยงคืนเป็นไปได้ที่ร่างกายจะเสียหายอ่อนเพลีย ส่วนการขยับเนื้อขยับตัวขยับแข้งขยับขาจะช่วยให้สมองได้พักผ่อนอีกวิธีหนึ่งในการดูแลตัวเอง และช่วยรักษาสุขภาพด้วย
37. ถามลูกน้องว่ามีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า
เป็นประจำคำพูดติดปากของหัวหน้าที่ลูกน้องอยากอยู่ด้วย เช่น มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่า หรือในยามที่ลูกน้องมีปัญหาหัวหน้าต้องเข้าไปช่วยเหลืออย่าวางเฉยกับความกังวลของลูกน้อง เพราะถ้าหัวหน้าไม่ยื่นมือมาช่วยแก้ปัญหาอะไรให้เลยลูกน้องจะไม่อยากอยู่ด้วย ยิ่งกว่านั้นหัวหน้าที่ตอบคำถามอะไรไม่ได้เลยมีเยอะมากครับ
38. เหลืออะไรทิ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไว้แล้วจะทำงานได้ง่ายขึ้น
ไม่จำเป็นต้องใส่เนื้อหามากใน E mail เสมอไป เขียนรายการสิ่งที่อยากทําในปีนั้นๆ พูดอะไรไปให้เขียน นึกอะไรได้ให้เขียนลง ทำให้ติดเป็นนิสัย
39. ทำอย่างไรเมื่ออารมณ์ไม่ดี
ทำอย่างไรเมื่ออารมณ์ไม่ดี สร้างวิธีจัดการอารมณ์ในแบบของตัวเอง เมื่ออารมณ์ไม่ดีจนรู้สึกว่าทำงานไม่ได้หรือหรือคุมอารมณ์ไม่อยู่ลองลุกออกจากโต๊ะทำงานดูครับ กลุ้มใจบ้างก็ได้ ขอโทษบ้างก็ดี หัวหน้าไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องทำตัวให้ดูยิ่งใหญ่ ขอแค่ทำอะไรตรงไปตรงมาเพียงเท่านี้ลูกน้องก็ชื่นชมแล้ว หัวหน้าที่ทำงานแบบนี้ต่างหากที่จะทำให้ลูกน้องรู้สึกอยากอยู่ด้วย
40. หัวหน้าไม่จำเป็นต้องเป็นนักอ่าน
อาจอ่านหนังสือเล่มโปรดเล่มเดิมซ้ำๆไปก็ได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเราจะตีความหนังสือเล่มเดิมต่างออกไปจากเดิม ถึงแม้จะเป็นหนังสือเล่มเดิมนั้นก็ตาม การเติบโตขึ้นทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆมากขึ้นและแตกต่างออกไป
41. อ่านหนังสือหลายๆเล่มในเวลาเดียวกัน
เวลาเจอหนังสือเล่มไหนที่คิดว่าน่าจะดีให้รีบซื้อทันที เพราะถ้ามีเก็บไว้ก็ต้องหยิบมาอ่านแน่นอน ปากกาเน้นข้อความกับที่คั่นหน้าจะช่วยให้รู้ว่าเราเปลี่ยนแปลงหรือเติบโตขึ้นบ้างหรือไม่ ถ้ารู้สึกว่าการจด การอ่านวันนี้นั้นยุ่งยาก คุณจะใช้ที่คั่นหน้าหรือนามบัตรของตัวเองขั้นเอาไว้ก่อนก็ได้
42. ซื้อหนังสือด้วยตัวเองและแบ่งปันหนังสือดีๆกับลูกน้อง
ซื้อ แบ่งปันหนังสือดีกับลูกน้องและคนในทีม จะช่วยให้สื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลงทุนซื้อหนังสือด้วยเงินของตัวเอง
43. อ่านหนังสือสนุกๆ ดูภาพยนตร์ที่ช่วยให้หัวใจอิ่มเอม
ยิ่งเริ่มอ่านหนังสือพัฒนาตัวเองตอนอายุยังน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งให้ประโยชน์ เพราะลูกน้องต้องการวิธีคิดและคำพูดที่หัวหน้ากลั่นมาจากประสบการณ์ของตัวเอง มากกว่าเป็นคำศัพท์หรูๆที่จำมา เรียนรู้ที่ชนะใจคนไม่ว่าหัวหน้าจะบริหารเก่งหรือมีความเป็นผู้นำมากแค่ไหน สิ่งสำคัญก็ยังคงเป็นความสามารถในการเอาชนะใจคนอื่น การปล่อยใจไปตามอารมณ์เสียบ้างจะทำให้หัวหน้าเข้าถึงความรู้สึกของลูกน้องและเข้าใจความเจ็บปวดของผู้อื่นได้ดีขึ้น
44. คิดให้ใหญ่ตั้งเป้าหมายให้สูง
ทักษะการเป็นหัวหน้าที่ได้เรียนรู้จากหนังสือ เรื่อง เรียวมะกับยุคุ เป้าหมายนั้นจะสูงแค่ไหนและถูกต้องหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเป็นหัวหน้าครับ เราต้องหัดมองทุกอย่างจากมุมของผู้บริหารสูงสุดตั้งแต่ตอนที่เป็นแค่หัวหน้าทีม หัวหน้าแผนก หัวหน้าฝ่ายขึ้นมาเราจึงจะตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ชัดเจน รอบด้านมากขึ้นครับ
45. หัวหน้าไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา
หัวหน้าที่ยอดเยี่ยมย่อมมาคู่กับคุณธรรม คนที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องกับคนที่พัฒนาแล้วหยุดจะมีความต่างกัน จงสวมหมวกเพียงใบเดียว เราก็คือเราแสดงความเป็นตัวเองออกมาบ้างก็ได้นะ การเปลี่ยนท่าทีไปตามสถานการณ์จะทำให้คนอื่นสงสัยในตัวเรา และจะนำมาซึ่งความสงสัยจากลูกน้องว่าคุณเป็นคนแบบไหนกันแน่
46. อย่าทำอะไรให้คนอื่นสงสัยในคุณธรรมของตัวคุณ
ไม่ควรไม่ว่าจะคำนินทาหรือการพูดจาโอโอ้อวด การพูดถึงผลงานที่ผ่านมาของตัวเองโดยไม่ปรับเสริมเติมแต่ง และการบอกเล่าด้วยความรู้สึกที่อ่อนน้อมต้องปรับปรุงตัวอีก แม้ถึงจุดนี้ก็ต้องพัฒนาต่อไปแบบนี้ถึงจะไม่ฟังเป็นการคุยโม้โอ้อวด การมีอำนาจอยู่ในมือคือบททดสอบคุณธรรม อำนาจคือความรับผิดชอบยิ่งมีอำนาจมากเท่าไรก็ต้องแบกความรับผิดชอบมากขึ้นเท่านั้น ต้องตระหนักอยู่เสมอและเมื่อมีความรับผิดชอบมากขึ้นก็ต้องควบคุมตัวเองให้ได้และจะต้องมองคนที่มีตำแหน่งต่ำกว่าเราให้เท่าเทียมกันด้วย
47. พัฒนานิสัยของตัวเองให้ดีขึ้น
จะพัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นอย่างไร เราจะขัดเกลาตัวเองให้ดีขึ้นอย่างไร จะรักษาการพัฒนาตัวเองให้คงอยู่ตลอดไปหรือไม่ เราจะสนใจสังคมและคนรอบข้างแทนที่จะนึกถึงตัวเองหรือเปล่า ความสำเร็จที่แท้จริงคือการยกระดับของจิตใจ สิ่งที่เราควรคาดหวังไม่ใช่ความสำเร็จแต่เป็นการยกระดับคุณธรรมของจิตใจนี่ต่างหากถึงจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง
48. ความผิดพลาดและความล้มเหลวจะทำให้เราอ่อนโยนกับคนอื่น
ตัวเองก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบแล้วจะไปเคี่ยวเข็ญคนอื่นได้อย่างไร ไม่มีใครในโลกที่สมบูรณ์แบบหรอกและมนุษย์ก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น บางครั้งคนเราก็ต้องแสดงความอ่อนแอออกมาสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีประสบการณ์ไหนในชีวิตที่ไร้ค่า ถ้าเราตั้งใจทำอย่างสุดความสามารถก็จะไม่มีประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่ไร้ค่าเลย
49. ไม่เห็นแก่ตัว
ตั้งเป้าหมายหรือภารกิจเอาไว้ สิ่งสำคัญคือหัวหน้าสามารถละทิ้งความเห็นแก่ตัวได้มากแค่ไหน หากเล่นละครตบตา เสแสร้งทำดีเพียงชั่วคู่เพียงเปลือกนอกผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจะเป็นในทางตรงกันข้าม เพราะสุดท้ายแล้วลูกน้องจะจับได้อยู่ดี และจงเตรียมใจที่จะถูกเกลียด คนเป็นหัวหน้าต้องเตรียมใจข้อนี้ไว้ด้วย
50. ทำให้ทุกวันเป็นวันแห่งการพัฒนาตัวเอง
ทำให้ทุกวันเป็นวันพัฒนาตัวเองเลยด้วยคำทักทายและขอบคุณให้เป็นนิสัย พฤติกรรมในแต่ละวันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าหัวหน้าเป็นคนอย่างไร คนเป็นคนเป็นหัวหน้าต้องใส่ใจในสิ่งเล็กๆน้อยๆไม่ว่าจะเป็นการทักทายหรือขอบคุณอยู่เสมอ อย่าเป็นมีดโกนที่ใช้แล้วโยนทิ้ง แต่ให้เป็นเหมือนเครื่องโกนหนวดไฟฟ้าที่ใบมีดลับคมได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องขัดเกลาตัวเองไปด้วยเสมอและเก็บเกี่ยวสิ่งรอบตัวมาเป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ขัดเกลาตัวเอง
51. สุดท้ายจงเชื่อมั่นในตัวเอง
หัวหน้าไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ การเป็นหัวหน้าอาจสร้างความกดดันให้กับคุณแต่ขอให้จำไว้ว่าการที่งานไม่ราบรื่นไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะจบสิ้น เพราะการเชื่อมั่นในตัวเองจึงต้องพยายามต่อไป ชีวิตคนเราเป็นสิ่งที่มีความหมาย ความเชื่อมั่นในตัวเองจะช่วยให้เราฟันฝ่าอุปสรรคไปได้
ขอบคุณครับ
รองศาสตราจารย์ธรรม์ณชาติ วันแต่ง
ขอบคุณมากค่ะ