ยิ่งอายุมากขึ้น ผมได้เห็นความเป็นอนิจจังเกิดขึ้นกับตนเองและคนใกล้ชิดถี่ขึ้น โดยแต่ละเดือนมีเพื่อนร่วมเรียน เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนบ้านของผมเสียชีวิตเฉลี่ยแล้วประมาณเดือนละ 2 คน ยังไม่รวมญาติตนเองและญาติเพื่อนๆอีก ที่เสียชีวิตแต่ละเดือนมีจำนวนมากกว่านี้อีก เตรียมใจไว้แล้วว่าสักวันก็คงถึงคราเราเหมือนกัน
เมื่อเร็วๆนี้เพื่อนผู้้บริหารรุ่นน้องที่ผมสนิทคนหนึ่งคือ ผอ.ทองจันทร์ ศรีคำแท้ อดีต ผอ.เชี่ยวชาญ โรงเรียนมัธยมที่นครพนม เธอเป็นผู้บริหารที่มีฝีมือและทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตราชการ พอเกษียณได้เพียงปีเศษ เธอก็จากไปด้วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในวัยเพียง 62 ปี
ขณะเจ็บป่วย ระหว่างรับการบำบัดรักษาโรคทางกายจากคุณหมออยู่นั้น เธอก็บำบัดรักษาทางใจด้วยธรรมะควบคู่ไปด้วย เมื่อถึงเวลาสิ้นลม เธอก็จากไปอย่างสงบ
งานพระราชทานเพลิงศพของเธอ ได้แจกหนังสือเล่มหนึ่ง ที่เป็นเสมือนมรณานุสติให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ศึกษาและใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีปัญญา นับเป็นหนังสือธรรมะที่เป็นมากกว่าหนังสือธรรมะ ชื่อหนังสือคือ "ป่วยไม่ทุกข์ สุขด้วยธรรม" จากพระธรรมเทศนาของพระธรรมโกศาจารย์(พุทธทาส อินทปัญโญ) เมื่อ 25 เมษายน 2513 ผมเห็นว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่ง จึงขอนำมาเผยแพร่ต่อ เพื่อเป็นบุญกุศลแก่ผู้วายชนม์ด้วย โดยผมขอเก็บเฉพาะบางข้อความที่เป็นสาระสำคัญของหนังสือเล่มนี้ เพื่อชักชวนให้ท่านได้ติดตามหาอ่านกันต่อครับ...
"ความเจ็บไข้มิได้มาเพื่อให้เป็นทุกข์ หรือเพื่อให้เสียใจ แต่ว่ามาเพื่อตักเตือนให้ฉลาด มาเพื่อบอกให้เตรียมเนื้อเตรียมตัวสำหรับการดับไม่เหลือแห่งความทุกข์"
" พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า อย่าฝืนโลก อย่าฝืนธรรม อย่าประมาทในชีวิต ให้คิดถึงความตาย ฝึกจิตให้พร้อมรับความตายไว้เสมอ แล้วจิตจะเป็นสุข เพราะร่างกายที่เห็นอยู่นี้ เป็นสมบัติของโลก ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายมันเสื่อมโทรมลงทุกวัน บังคับให้มันทรงตัวไม่ได้ ทำได้เพียงดูแลมันไปตามหน้าที่ เมื่อร่างกายตาย แล้วจิตของเราเท่านั้นที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีใครสามารถเอาร่างกายและทรัพย์สมบัติทางโลกไปได้ ให้หมั่นพิจารณาและยอมรับความจริง จนเห็นความเป็นธรรมดา"
" 3 สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมสำหรับ ความดับไม่เหลือคือ 1. ระลึกเสมอว่า เรื่องโลกๆ เราก็ได้ทำเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
2. ระลึกเสมอว่า เรื่องบุญเรื่องกุศล เราก็ได้ทำเสร็จเรียบร้อยไปแล้ว
3. ระลึกเสมอว่า พอกันทีสำหรับจะเวียนว่ายตายเกิดเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา หรือเป็นพรหม ด้วยบุญกุศลนั้นๆ"
" เมื่อแรกเกิดก็มาตัวเปล่า เวลาตายก็ไปตัวเปล่า ขณะมีชีวิตอยู่เราสะสมทรัพย์สมบัติอะไรไว้มากมาย บ้างก็สะสมไว้มากจนไม่มีที่จะเก็บ เพราะตกเป็นทาสของความอยาก แต่เราเคยคิดถึงอนาคตบ้างไหมว่า ตายแล้วเราเอาทรัพย์สมบัติของโลกไปได้ไหม แม้กระทั่งร่างกายที่เรายึดมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา นี่เราเกิดมาเพื่อทำเรื่องไร้สาระพวกนี้หรือ"
" โอกาสแห่งความเจ็บไข้ ถือเป็นช่วงเวลาพิจารณาธรรม อย่าปล่อยให้ขาดทุน ให้พยายามฝึกจิตพิจารณาเห็นร่างกายตามความเป็นจริง คือร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายนี้ประกอบด้วยธาตุ 4 ดิน น้ํา ลม ไฟ และอาการ 32 เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เต็มไปด้วยสิ่งปฏิกูลสกปรกโสโครก มีความเสื่อมสลายถึงแก่ความตายไปในที่สุด เมื่อพิจารณาเนืองๆ ดังนี้แล้ว จิตจะค่อยๆคลายการเกาะติดร่างกายไปได้ทีละน้อย จนปล่อยวางได้"
ไม่มีความเห็น