ใช่ครับ...ผมมีบ้านสองหลังจริงๆ หลังแรกเป็นบ้านส่วนตัว ปลูกสร้างอยู่ในสวน หลังที่สอง..เป็นบ้านหลังใหญ่มาก เป็นบ้านหลวงที่ทุกคนรู้จักและเรียกว่า..โรงเรียน..
ในช่วงโควิด ๑๙..ผมทำงานสองที่เลย..พยายามใช้เวลาทำงานให้มากที่สุด ขณะที่ทำก็มีทั้งเดินและวิ่งสลับกันไป..เพราะอยากให้ร่างกายกระฉับกระเฉง สดชื่นและแข็งแรง
พอรู้สึกว่าได้ออกแรงทำงาน จิตใจก็แจ่มใสเบิกบาน ได้ทั้งงานและความสุข หัวใจและปอดของผม ทำท่าว่าจะแข็งแกร่งขึ้นมาทันทีทันใด
บ้านหลังแรก..
คือบ้านสำหรับพักอาศัย ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ อากาศดีมีลมพัดโชยอยู่ตลอดเวลา ช่วงหลังๆ เริ่มพัดเอาความร้อนอบอ้าวเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ
อันเนื่องมาจาก “ภัยแล้ง” ที่มาก่อนโควิด ๗ เดือน แบบว่าฝนไม่เคยตกเลย แต่ต้นลำไย ต้นมะขามเทศและมะขามหวาน..ทนแล้งได้ยาวนานมาก..ไม่มีตายเลยสักต้น..
ไม่เหมือนต้นมะพร้าว..ตายเรียบ..๑๕ ต้น เหลือเพียงต้นเดียว ยืนต้นเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าบ้าน..ต้นมะพร้าว..ตายด้วยสองสาเหตุด้วยกัน..
จากการขาดน้ำยาวนานและถูกเบียดเบียนจาก..กระรอก..สัตว์ผู้น่ารัก มีหางเป็นพวงสวย วิ่งเล่นกันเป็นครอบครัวใหญ่ มีมากมายอยู่เต็มสวน
ผมคิดจะกำจัด แต่ตัดใจเพราะทำไม่ลง กระรอกก็เลยได้ใจ ตะลุยผลลำไยมาหลายฤดูกาล ไม่เคยแบ่งให้ผมกินเลย หมดผลลำไย ก็กินยอดและไส้มะพร้าวจนเกลี้ยง
จะว่าไปแล้ว...เจ้ากระรอกตัวน้อยที่วิ่งเร็วเป็นจรวด มีลักษณะเหมือนไวรัสโคโรน่าอยู่เหมือนกัน ที่ชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า..เข้าไปฝังตัวแล้วทำลายล้างอย่างไม่ปรานี
ตอนสายวันนี้..ผมกับคนงานช่วยกันโค่นต้นมะพร้าว อยากจะเศร้าแต่ไม่มีเวลาเพราะอากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน เหงื่อชุ่มโชกไปทั้งตัว เหมือนได้วิ่งไกล ๓ – ๕ กม.
โค่นเสร็จ..ตัดเป็นท่อนๆ ท่อนเล็กๆทำเป็นเสา วางพาดด้วยท่อนยาว สำหรับเป็นที่นั่งพักผ่อนหย่อนใจ..งานนี้ก็เลยได้ต้นมะพร้าวเอาไว้เป็นที่ระลึก..
บ้านหลังที่สอง...
ตั้งแต่ปิดเทอมก่อนเวลา..พานักเรียนหนีโควิดไปอยู่บ้าน แต่ผมก็รับอาสาโดยที่ไม่ต้องบอกใคร..ขอไปอยู่เฝ้าบ้านหลังใหญ่ที่สงบเงียบ แต่ดูมีชีวิตชีวามาก..
เพราะบ้านหลังใหญ่ ที่เรียกว่า..โรงเรียน..มีงานให้ทำตลอด ทั้งงานปูกระเบื้องซึ่งเสร็จเรียบร้อยไปแล้วสองห้อง มีห้องเรียนและห้องประชุมเล็ก ที่ใช้เป็นห้องธุรการด้วย
วันนี้ช่างส่งมอบงาน จากนั้นผมก็จ่ายเงินให้ช่าง ใช้กระเบื้องไป ๙๗ กล่อง ค่าแรงในการปูตารางเมตรละ ๗๐ บาท นอกจากไม่แพงแล้ว.ช่างยังปูได้สวยและเรียบร้อยมาก
ผมบอกให้ช่างทำงานต่อเลย..มีงานติดหลอดไฟที่ยังค้างอยู่และซ่อมแท๊งค์น้ำประปาที่อาคารออมสิน น้ำไม่ไหลเพราะแท๊งค์ทรุดตัวและท่อส่งน้ำก็หักงอ..
ระหว่างที่ช่างทำงาน..ผมก็รดน้ำต้นไม้และเก็บกระดาษกวาดขยะที่เกิดจากงานปูกระเบื้อง เสร็จแล้วก็ไปทาสีที่แท๊งค์น้ำหลังจากที่ช่างฉาบปูนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ผมทำงานในที่โล่งแจ้ง สลับด้วยร่มเงาของอาคารและต้นไม้ อากาศถ่ายเทดีมาก พอรู้สึกว่าบ้านหลังที่สองมีงานให้ทำอย่างเพลิดเพลิน ผมเริ่มมีกำลังใจและอยากจะไปต่อ
ไม่ท้อที่จะคิดงานใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานซ่อมบำรุงมากกว่างานสร้างใหม่ เช่นทาสีโรงอาหาร งานจัดชั้นเรียน และทาสีเหล็กดัดหน้าต่างห้องเรียนที่เต็มไปด้วยสนิม
ได้ทำงานที่บ้าน ก็เท่ากับช่วยหยุดเชื้อเพื่อชาติ..ผมมีโอกาสดี ได้อยู่บ้านถึงสองหลัง เป็นบ้านที่สร้างแรงบันดาลใจให้ทำงานแบบ “วิ่งสู้ฟัด”ถือว่าได้ออกกำลังทั้งกายและใจ..ให้มีพลังสำหรับต้านภัยโควิด ๑๙
คงเป็นเช่นนี้ไปอีกยาวนาน..แต่เชื่อเถอะ..มันต้องผ่านไปได้ ถ้าเรารู้จักใช้เวลาและรู้จักที่จะดูแลตัวเอง....
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ เมษายน ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น