บ้าน..คือวิมานของเรา..จะซื้อหรือเช่าก็บ้านของเราเหมือนกัน..ตอนนี้..แทบจะทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย..อยากกลับบ้าน อยากอยู่บ้าน..รู้ซึ้งถึงค่าของคำว่าบ้าน..ที่สุดเลย
หลายคน..สำรวจบ้านและจัดระเบียบบ้าน เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ทำตัวสนิทสนมหลังจากห่างเหิน ไม่เคยอยู่ติดบ้านมาเนิ่นนานแล้ว..
ความรู้สึกรักบ้าน ทำให้บ้านอบอุ่น..เมื่อบ้านอบอุ่นคนในบ้านก็รักสามัคคีกัน สถาบันครอบครัวเริ่มจะเข้มแข็งขึ้น จากอิทธิพลของโควิด ๑๙..
ดังนั้น มันจึงไม่เลวร้ายไปเสียทั้งหมด แม้จะพูดไม่ได้ว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป..แต่เชื่อเถอะ..โรคร้ายนี้ถ้าเราสู้ในแนวทางที่ถูกต้องแล้ว..มันจะอยู่กับเราไม่ถึงสิ้นปี..
ถึงเวลานั้น..ฟ้าหลังฝนของคนไทย ของเมืองไทย คงสดใสและสร้างสรรค์ด้วยความรักและความเข้าใจของคนในชาติอย่างที่ไม่อาจปฏิเสธได้...
บุคคลที่คู่ควรอยู่ในหัวใจคนไทยตลอดกาลก็คือคณะแพทย์และพยาบาล..สิ่งที่น่าติดตามต่อมาก็คือรัฐบาล..จะเยียวยาและปูนบำเหน็จพวกเขาเหล่านั้นอย่างไร?
เลิกเสียทีได้ไหม..กับการจัดซื้อรถถังและเรือดำน้ำ หันมาส่งเสริมการสาธารณสุขอย่างจริงจัง..ในสภาวการณ์ของโลก..ที่มีเชื้อโรค..แปลกๆมากมายเช่นนี้
พูดถึงบ้าน..ผมก็เลยไม่อยู่บ้าน..เดินทางไปบ้านหลังใหญ่กว่าคือโรงเรียน ขณะที่ทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็น..ก็นึกขึ้นมาได้ถึงสงครามโลก ที่ผู้คนทิ้งถิ่นฐานบ้านช่อง
ไปตายดาบหน้า..บ้างก็มีเสื่อผืนหมอนใบ บ้างก็ไม่มีอะไรติดตัว วันนี้..เรามีสงครามโรค..บ้านหลังที่สองของครูและนักเรียน..ถูกปิดเรียนกระทันหัน..
บางโรงเรียน..แทบไม่มีเวลาสั่งการ..งานที่คงคั่งค้างเอาไว้สะสางตอนเปิดเทอม ซึ่งก็ไม่รู้วันไหน?..มีอะไรก็ให้ไปทำกันที่บ้าน แบบว่าบ้านใครบ้านมัน..ประมาณนั้น
วันนี้ ที่โรงเรียนมีแต่ลายลมและแสงแดดที่แผดเผาผิวกาย ไม่น่าจะต่ำกว่า ๔๐ องศาเซลเซียส ขณะเดียวกัน..มันเงียบมาก คงเงียบเหงาไปอีกหลายวันอย่างแน่นอน..
หากมีครูหรือนักการภารโรงอยู่เวรยามก็ดีไป แต่ถ้าไม่มี..สถานการณ์แห้งแล้งและฝืดเคืองเช่นนี้ น่ากลัวมากถึงมากที่สุด หากเกิดอะไรขึ้น ความร้อนอบอ้าวจะกลายเป็นความหนาวเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที
เพราะฉะนั้น..ข้าราชการไทย..ทุกองค์กรทุกสถาบัน เราไม่ใช่ภาคเอกชน..จริงอยู่..คำว่าหยุดทำงานที่บ้าน..มิได้หมายความเช่นนั้นทั้งหมด ตราบใดที่ยังมีระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยและรักษาทรัพย์สินของสถานที่ราชการ..
องค์กรด้านสุขภาพจิต แนะนำให้สร้างงาน..หางานทำในบ้านให้เพลิดเพลินเจริญใจไม่ฟุ้งซ่าน ผมลองทำดูแล้ว มันดีต่อใจจริงๆ ทำแล้วรู้สึกลืมทุกข์ลืมโศก ลืมร้อนและลืมโรคไปได้เลย..ผมเริ่มงานที่โรงเรียน..หากได้ผลก็จะนำมาทำที่บ้านบ้าง
ผมทำธนาคารน้ำใต้ดินระบบปิด ศึกษาจากอาจารย์กูเกิลและคุณครูยูทูป โดยเลือกเรียนรู้จากคลิ๊ปของผู้เชี่ยวชาญที่เป็นปราชญ์ชาวบ้านและภูมิปัญญาระดับประเทศ..
ก่อนอื่น..ต้องเชื่อว่ามีประโยชน์เสียก่อน เมื่อเราเก็บน้ำไว้ใต้ดินได้ จะช่วยให้ดินชุ่มชื้น ลดภาวะภัยแล้ง และสักวันก็สามารถนำน้ำมาใช้ได้โดยที่ไม่ต้องรอฝน..
บริเวณโรงเรียนที่ผมทำ เป็นร่องน้ำริมถนน เวลาฝนตกน้ำจะขังนอง ต่อไปนี้ถ้าทำธนาคารน้ำ น้ำฝนจะไหลลงไปรวมกันอย่างเร็ว..ไม่ท่วมขังหรือเจิ่งนองเป็นเวลานาน
ผมโชคดีที่ผู้ใหญ่บ้านนำรถแบ๊คโฮมาช่วยขุดหลุม ลึกและกว้างไปหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะขวดน้ำผมมีเยอะ แต่ต้องวางก้นหลุมด้วยยางรถยนต์และหินก้อนโต
จากนั้น..ตามด้วยขวดน้ำ ที่ใส่น้ำ ๒ ใน ๓ ของขวด ปิดฝาขวดให้แน่น ใส่ทับถมลงไป วันนี้..ผมใส่ไปเกือบ ๒๐๐ ขวด พรุ่งนี้ตั้งใจจะใส่เพิ่มอีก ๔๐๐ ขวด เติมด้วยขวดแก้วอีกจำนวนหนึ่ง จึงจะคลุมด้วยตาข่ายพลาสติกแล้วทับด้วยหินเกล็ด จึงจะเสร็จเรียบร้อย.
ค่อยๆคิดค่อยๆทำในบ้านของเราเอง..ไม่ต้องรีบเร่ง รับรองว่ายังมีเวลาอีกมากมาย ลองดูก็ได้ ใช้เวลาที่เหมือนจะว่างๆในตอนนี้ ทำอะไรก็ได้ที่เกิดประโยชน์กับตนเองและส่วนรวม..เราจะรู้สึกรักและภูมิใจในตนเอง...
ท้ายที่สุด..จะรักบ้านมากยิ่งขึ้น..อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น