ในยามนี้..หลายคนเรียนรู้การปลีกวิเวก อย่างที่ไม่ต้องเตรียมการมาก่อน ได้พักผ่อนเป็นกรณีพิเศษ อาจต้องอยู่กับความทุกข์ยาวนานเพราะความสุขจะน้อยลง จึงเป็นความท้าทาย..ในครั้งหนึ่งของชีวิต..ที่ต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้
ไม่มีใครคิดว่า..คนไทยโชคร้าย เพราะเป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติระดับโลก แต่อาจต้องคอยเตือนจิตสะกิดใจไว้เสมอว่า “คนไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” ขออย่าได้กลัวจนลืมปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ และต้องกล้าที่จะยอมรับความจริง...?
ในความมืดมัวหม่น ยังพอมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ อย่าได้บ่นก่นด่าเพียงเพราะมองเห็นแต่น้ำที่เน่า เพราะในน้ำเน่านั้นเราก็ยังพอได้มองเห็นเงาจันทร์ จงใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความหวัง ไม่ซึมเศร้าเหงาหงอยและหดหู่..ไม่ใช่เวลาที่เราต้องสะกดคำว่าอ่อนแอ..
มันจะดีแค่ไหนในมุมบวก ที่เราได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกความ”อดทนและอดกลั้น” ไม่ทำอะไรตามอำเภอใจ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เมื่อมีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น ก็จะรู้จักตัวเองมากขึ้น จึงเป็นช่องทางของการลด ละ เลิก ความคิดที่ซ่อนเร้นเห็นแก่ตัว
อย่าลืมว่า..ความทุกข์..มิได้โหดร้ายเสมอไป ทำให้เรามองเห็น “สัจธรรม” ของความไม่เที่ยงแท้แน่นอน..อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ความสุข..ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป เมื่อความทุกข์เคลื่อนกายเข้ามาใกล้ เราจะเข้าใจได้ว่า “อนิจจัง”นั้นมีอยู่จริง
โควิด ๑๙..อาจเป็นก้าวใหม่..เป็นก้าวที่เริ่มต้นของการใช้ชีวิตแบบที่ไม่ประมาท หลายคนเข้าใจและเข้าถึง”ความพอเพียง”อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว จึงเป็นแต้มต่อที่ช่วยประคับประคองให้ทุกชีวิตอยู่รอดและปลอดภัย ที่ใส่ใจสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง...
ในระหว่างที่รอ “วัคซีน” จากห้องทดลอง เราลองสังเกตดูก็ได้ คนไทยเริ่มมีวัคซีนตัวใหม่เต็มบ้านเต็มเมือง นั่นคือระเบียบและ “วินัย” รัฐกำลังจัดระบบระเบียบให้เราเข้าใจ แต่วินัย..คือวัคซีนที่ดีที่สุดในเวลานี้ ที่อยู่ในสายเลือดและกำลังสูบฉีดเข้าหัวใจคนไทยทุกคน..นี่คือสัญญาณแห่งความรอดพ้นจากเชื้อโรคร้าย..
ด้วยรอยยิ้มและกำลังใจ..การแบ่งปันต้องทำให้ได้ในยามนี้ จงพร้อมทุกนาทีที่จะเป็น”ผู้ให้” การให้ขั้นพื้นฐานที่ดีที่สุดคือ..ให้ความร่วมมือ อย่างรู้หน้าที่และมีความรับผิดชอบ..
อารมณ์ขัน..ในช่วงวันวิกฤติ ยังมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จงอ่านหนังสือ ดูหนังฟังเพลงหรือจดบันทึก ให้ชีวิตผ่อนคลายสลายความกังวลบ้าง..
เพื่อกลับมายิ้มรับกับทุกปัญหา..มิใช่เราคนเดียวที่ตกงาน ขอให้คิดว่างานมากมายยังรอเราอยู่ แต่เรายังไม่พร้อมที่จะทำ..และไม่ต้องเสียใจกับการเลื่อนนัดที่สำคัญ หากชีวิตยังคงอยู่ยังมีนัดครั้งที่สำคัญกว่า..รอเราอยู่อีกมากมาย..
ไม่ต้องเสียความรู้สึกที่ต้อง “ว่างงาน” เพราะในความเป็นจริงการว่างงานเป็นเพียงนัยสำคัญ..ไม่มีใครสักคนที่ว่างงาน..เพราะทุกคนทำงานที่บ้าน..ประสานความร่วมมือกับคำแถลงการณ์ของคณะแพทย์พยาบาล..
อาจจะไม่ต้องสงสารพวกเขาเหล่านั้นก็ได้ แต่ขอให้เราผู้เป็น “คนไทย” มีน้ำใจที่จะใส่ใจดูแลตัวเอง และคิดไว้เสมอว่า..เขาเหล่านั้นผู้เป็นแพทย์และพยาบาล นอกจากจะไม่ว่างงานแล้ว..ยังทำงานหนักที่สุดในชีวิต..
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๒๓ มีนาคม ๒๕๖๓
ไม่มีความเห็น