โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น

    ณ วันอังคารที่ 21 มกราคม 2563 นักศึกษากิจกรรมบำบัดชั้นปีที่3 มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ไปศึกษาดูงานที่โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น เกี่ยวกับบทบาทหน้าที่ของโรงพยาบาลที่มีต่อชุมชนในการดูแล สร้างเสริม และป้องกันสุขภาพของคนในชุมชนที่โรงพยาบาลรับผิดชอบ ซึ่งจากการได้รับฟังบรรยายในตอนเช้า ทำให้ได้ข้อมูลของโรงพยาบาลคือ โรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่นเป็นโรงพยาบาลชุมชน 30 เตียงมีขนาดเล็กที่สุด ผู้สร้างโรงพยาบาลแห่งนี้คือ  หลวงพ่อเปิ่น ผู้ซึ่งเห็นความสำคัญของเวชศาสตร์ฟื้นฟู จึงนำเงินบริจาคมาสร้างโรงพยาบาลที่เน้นด้สนการบำบัดฟื้นฟู เป็นที่แรกของนครชัยศรี ซึ่งโรงพยาบาลมีการรับผิดชอบดูแล 5 ตำบล 7 รพสต. มีกระบวนการทำงานเป็นแบบ Intensive rehapbilitation ซึ่งใน 1 เคสจะใช้เวลาในการเข้าร่วมโปรแกรมการรักษา 4 สัปดาห์ กลุ่มผู้รับบริการมี 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่ต้อได้รับการฟื้นฟูเต็มที่ จะมาการเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูจากทีมแพทย์, นักกายภาพบำบัด,นักกิจกรรมบำบัด,แพทย์แผนไทย,แพทย์แผนจีน และการพยาบาล 2.กลุ่มผู้พิการ จะมีการทำงานร่วมกับกลุ่ม Independent living นครปฐม ในการทำ peer support และการให้คำแนะนำในการดำรงชีวิต ทางโรงพยาบาลมีการให้ผู้พิการได้ฝึกการใช้ชีวิตด้วยตนเองโดยมีบ้านตัวอย่างอยู่ข้างๆโรงพยาบาล จะให้ผู้พิการที่ได้รับการประเมินว่าสามารถอยู่ในบ้านได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัยแล้ว มาทดลองใช้ชีวิตในบ้านตัวอย่าง 24 ชั่วโมง อาจจะกินเวลานานเป็นอาทิตย์ขึ้นอยู่กับตัวผู้พิการในแต่ละคน โดยทางโรงพยาบาลจะมีการใช้แบบประเมิน Bartal index ในการประเมินคัดกรองและประเมินความก้าวหน้าในการบำบัดฟื้นฟูว่าผู้รับบริการมีความพร้อมมากพอหรือไม่ในการออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเองที่บ้านหลังจากการบำบัด จะตัดคะแนนที่ 15 คะแนน ผู้รับบริการที่คะแนนน้อยกว่า 15 จะไม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ต้องได้รับการฝึกเพิ่มเติมถ้าคะแนนเกิน 15 คะแนนก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ โดย1 ครั้งต่อสัปดาห์ จะมีการออกชุมชนเพื่อติดตามอาการของผู้รับบริการที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วโดยใช้แบบประเมินเดิม ติดตามไปจนถึง 6 เดือน ซึ่งการออกชุมชนไม่ใช่แค่การไปติดตามผลเท่านั้นแต่จะไปหาผู้รับบริการท่านอื่นที่ไม่สามารถมาที่โรงพยาบาลได้ หลังจากการฟังบรรยายในตอนเช้า ตอนบ่ายจะเป็นการแบ่งกลุ่มเข้าไปติดตามบ้านของผู้ป่สยที่พี่ได้จัดไว้ให้ เป็นการเข้าไปติดตามอาการและให้การบริการทางด้านกิจกรรมบำบัดเพิ่มเติมอีกด้วย

     และณ วันอังคารที่ 28 มกราคม 2563 ได้มีการจัดกิจกรรมให้กับผู้สูงอายุที่อยู่ในโรงเรียนผู้สูงอายุของนครชัยศรี มีการให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อส่งเสริมทักษะการวางแผน ความจำ และมีการประเมินโดยใช้แบบประเมิน BAD เพื่อประเมินการคิด การวางแผน ความจำ อีกด้วย

    จากการได้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วันรู้สึก ตื่นเต้น ภูมิใจ และดีใจ ตื่นเต้นมนการที่เราได้ไปศึกษาดูงานในที่ใหม่ๆที่เราไม่เคยได้ไป ได้รู้ว่านักกิจกรรมบำบัดมีบทบาทในการทำงานร่วมกับวิชาชีพอื่นอย่างไรเพิ่มเติม ภูมิใจเมื่อได้นำการประเมินที่เราเคยได้เรียนในห้องนำมาใช้จริงกับผู้รับบริการ และดีใจที่เราได้นำการรักษาที่เราได้เคยเรียนในห้องเรียนนำมาปฏิบัติใช้จริงกับผู้รับบริการ แล้วผู้รับบริการมีอาการที่ดีขึ้น และรู้สึกมีความสุขที่ได้เข้าไปทำกิจกรรมพูดคุยกับผู้สูงอายุที่โรงเรียนผู้สูงอายุ นครชัยศรี เหมือนได้รับสิ่งดีๆจากคุณตา คุณยายและข้อคิดต่างๆในการใช้ชีวิต

    จากการได้เข้าร่วมกิจกรรมทั้ง 2 วันได้เรียนรู้ งานทางด้านกิจกรรมบำบัดในโรงพยาบาลหลวงพ่อเปิ่น โดยมี 3 ฝ่ายคือ 1.ฝ่ายกาย จะเน้นมากในโรงพยาบาลแห่งนี้ จะเน้นการฝึก hand function,การกระตุ้น cognitive ,การกระตุ้นกลืน และโดยรวมจะส่งเสริมให้ผู้รับบริการสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ด้วตนเองให้ได้มากที่สุด โดยยึดแบบประเมิน Bartal index ในการคัดกรองและดูความก้าวหน้าของการรักษาผู้รับบริการ 2.ฝ่ายเด็ก เด็กที่มารับบริการจะมี ADHD,Autistic เทียมและส่วนมากจะมีเด็ก CP เข้ามาฝึกการการยืน เดิน สุดท้ายคือ3.ฝ่ายชุมชน จะเน้นไปที่การลงชุมชน คัดกรองภาวะสมองเสื่อม โดยใช้แบบประเมิน MMSE และมีการให้กิจกรรมเพื่อกระตุ้น cognitive,ให้ความรู้เรื่องโภชนาการ,การป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพที่เหมาะสมแก่ชุมชน และมีการเข้าไปมีส่วนร่วมในการให้ความเห็นเรื่องการปรับสภาพบ้านให้กับผู้รับบริการที่ต้องการแต่ยังไม่สามารถปรับได้เนื่องจากขาดแคลนทุนทรัพย์ และจากการที่ได้ไปจัดกิจกรรมให้แก่ผู้สูงอายุที่โรงเรียนผู้สูงอายุ ทำให้ได้เรียนรู้เพิ่มเติมว่าเราควรจัดกิจกรรมแบบไหน ปรับกิจกรรมแย่างไร และแก้ไขเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างไร ให้เหมาะสม ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในการจัดกลุ่มผู้สูงอายุในอนาคตได้

    จากการได้เข้าร่วมกิจกรรมจะนำไปใช้ในวิชาชีพกิจกรรมบำบัด โดยจะนำความรู้ที่ได้จากการไปหาผู้ป่วยตามบ้าน แล้วได้วิธีการประเมิน ให้การรักษาที่ได้เพิ่มเติมนำไปใช้กับผู้รับบริการอื่นต่อไปในอนาคต และนำวิธ๊การเข้าหา การวางตัวที่เหมาะสมกับผู้สูงอายุไปใช้ในการทำงานกับผู้สูงอายุในอนาคตอีกด้วย