บทความในเว็บไซต์ eLearning Inside เรื่อง What Most Educators Forget About Competency-Based Learning บอกว่า การเรียนรู้แบบใหม่นี้ ตรงกันข้ามกับ Time-Based Learning ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ที่จัดการเรียนทีละชั้น ชั้นละปี
Time-based learning ที่เราใช้กันอยู่นี้ แท้จริงแล้วเป็นของใหม่ เพิ่เกิดขี้นในโลกราวๆ สองร้อยปี สมัยก่อนในโลกตะวันตก เมื่อจะเข้ามหาวิทยาลัยเขาจะจับสอบพื้นความรู้ หากพื้นความรู้พอเพียง (มี competency) เขาก็รับเข้าเรียน
สองร้อยปียาวหลายชั่วคน จนทำให้ time-based learning กลายเป็นวิธีการมาตรฐาน ในบทความที่อ้างถึง บอกว่า ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา รัฐมิชิแกนออกกฎหมาย ให้การศึกษาภาคบังคับไม่บังคับการเข้าเรียนตามเวลาเรียน คือให้เลือกเรียน ออนไลน์ แทนได้
รัฐโอไฮโอไปไกล ในการออกกฎหมายให้ความยืดหยุ่นต่อการเรียน ให้นักเรียนเรียนผ่านการให้บริการชุมชน เรียนด้วยตนเอง เรียนผ่านการเดินทาง ผ่านการฝึกงาน และเรียน ออนไลน์ ซึ่งหมายความว่า ยอมรับวิธีทำให้เกิดสมรรถนะ (competency) ที่ต้องการได้หลากหลายทาง ขอให้พิสูจน์ หรือผ่านการทดสอบว่ามีสมรรถนะตามที่กำหนดจริง ก็ให้ประกาศนียบัตรว่าจบการศึกษาระดับนั้นๆ
อ่านบทความนี้แล้ว จึงเข้าใจที่มาที่ไปของ time-based education ว่าเป็นระบบที่คิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา มิน่า ระบบของยุโรปจึงยืดหยุ่นกว่ามาก
ลงท้ายบทความนี้บอกว่า competency-based education จะหมุนกลับไปเมื่อสองร้อยปีก่อน ที่การศึกษาไม่ได้มาตรฐาน เป็นข้อสรุปที่ผมไม่เชื่อ
หนังสือ The Rebirth of Education : Schooling Ain’t Learning บอกเราว่า การเข้าโรงเรียนในปัจจุบัน ในหลายกรณีไม่ใช่การได้เรียนรู้ตามเป้าหมายที่กำหนด เพราะโรงเรียนจำนวนมากไม่ได้เอาใจใส่การเรียนรู้ของนักเรียน ดังบอกในรายงานของธนาคารโลก World Development Report 2018 ที่ผมตีความเขียนในบันทึกชุด สู่การศึกษาคุณภาพสูง ซึ่งก็บอกว่า เวลาที่เรียนไม่ได้ประกันคุณภาพของการเรียนรู้ มีปัจจัยอีกหลายอย่างที่มีความสำคัญ
วิจารณ์ พานิช
๑๐ ธ.ค. ๖๒
ไม่มีความเห็น