บทความเรื่อง As CBD Skyrockets in Popularity, Scientists Scramble to Understand How It’s Metabolized (1) ในเว็บไซต์ของนิตยสาร Scientific American บอกสภาพที่น่าตกใจว่า ในโลกนี้มีการใช้กัญชาและสารสกัดเป็นยาเพิ่มขึ้นมากมาย แต่ความรู้เรื่องราวของสารออกฤทธิ์ของมันในร่างกายมนุษย์ ยังมีน้อยมาก เรื่องขนาดของการใช้ที่พอเหมาะก็ยังไม่รู้
ยาสกัดจากกัญชาตัวแรกที่ได้รับการขึ้นทะเบียน (เมื่อกว่าสิบปีมาแล้ว) คือ Sativex (2) สำหรับใช้ในโรค multiple sclerosis เพื่อลดอาการเจ็บปวดที่เรียกว่า neuropathic pain และพบว่าช่วยลดอาการกล้ามเนื้อเกร็ง และนอนไม่หลับอีกด้วย แต่ก็มีผลข้างเคียงคืออาการวิงเวียน ง่วงนอน เพลีย และการรับรู้รสอาหารเสียไป ยานี้ประกอบด้วยสารออกฤทธิ์ THC : CBD = 1:1
ยาอีกตัวหนึ่งคือ Epidiolex ใช้รักษาโรคลมชักบางชนิดในเด็ก นอกจากนั้นขณะนี้กำลังมีการวิจัยทางคลินิกตรวจสอบผลการใช้สารสกัดกัญชาในโรค จิตเภท, Chrone’s Disease, และ Graft-versus-host disease
เมื่อเร็วๆ นี้ Gallup poll พบว่าคนอเมริกันร้อยละ ๑๔ ใช้กัญชาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง โดยสารสกัดเป้าหมายคือ CBD ซึ่งก่ออาการข้างเคียงได้แก่ คลื่นไส้ เพลีย หงุดหงิด CBD ไม่ทำให้มีอาการเมาหรือเคลิ้ม ที่ฝรั่งเรียกว่า high
ร่างกายของมนุษย์มี endocannabinoid receptor อยู่ในสมอง ระบบประสาท หัวใจ ตับ และระบบอิมมูน
ความไม่รู้เรื่องกัญชาที่น่าตกใจคือ ไม่รู้ขนาดใช้ที่พอเหมาะเพื่อประโยชน์ที่ต้องการ
ความรู้เท่าที่พอจะสรุปได้อย่างมีข้อมูลหลักฐานอยู่ในรายงานของ National Academy of Sciences, Engineering and Medicine ของสหรัฐอเมริกา (3) จะเห็นว่า ใช้ได้ผลที่สุดในการบำบัดอาการปวดเรื้อรัง รองลงมาคือใช้บำบัดอาการคลื่นไส้อาเจียนที่เกิดจากการให้ยาคีโม และบำบัดอาการกล้ามเนื้อเกร็งในโรค multiple sclerosis แนะนำว่า การใช้เพื่อเป้าหมายสองประการหลังต้องใช้ผ่านการกินทางปากเท่านั้น ประโยชน์ส่วนใหญ่ของรายงานนี้คือ บอกว่ายังมีข้อมูลหลักฐานไม่เพียงพอในสารพัดข้อกล่าวอ้างสรรพคุณของกัญชา
ข้อเรียนรู้สำคัญสำหรับผม มาจากคำถาม ทำไมมนุษย์ใช้กัญชามาหลายพันปี แต่มีความรู้ที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับกัญชาน้อยมาก คำตอบคือ เพราะเราทำให้มันเป็นสิ่งเลวร้าย ทำให้ผิดกฎหมาย ปิดกั้นการวิจัยหาความรู้ที่แท้จริงเชื่อถือได้
ผลการทบทวนผลงานวิจัย (ซึ่งมีน้อย) บอกว่า เวลาครึ่งอายุ (half life) ของ CBD ในร่างกายมนุษย์ อยู่ระหว่าง ๑ ชั่วโมงถึง ๕ วัน ขึ้นกับวิธีใช้ สั้นที่สุด (เป็นชั่วโมง) โดยวิธีพ่นเข้าปาก วิธีสูบหรือฉีดอยู่ได้ ๑ วัน ในการสูบ ร้อยละ ๓๑ ของ CBD เข้าสู่กระแสเลือด สัดส่วนดังกล่าวน้อยกว่านี้มาก หากให้กินยาเม็ดหรือพ่นเข้าปาก งานวิจัยทำในผู้ป่วยโรควิตกกังวล เบาหวาน ปวดเรื้อรัง และอื่นๆ ขนาดยาอยู่ระหว่าง 1-50 mg/kg body weight / day ไม่มีผลการวัดระดับ CBD ในเลือด เขาบอกว่า สองในสามรายงานว่าอาการดีขึ้น
นพ. ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ บอกผมว่า การหยดใต้ลิ้น หรือพ่นเข้าปาก สารออกฤทธิ์ของกัญชาจะเข้าสู่สมองโดยตรงผ่านเส้นประสาท โดยไม่ผ่านกระแสเลือด เป็นความรู้ใหม่สำหรับผม และไม่มีระบุในบทความของ NAS
ผลดีมักได้จากขนาดยาที่สูง แต่หากใช้เพื่อลดความวิตกกังวล ขนาดน้อยๆ ได้ผลดี
มีการวิจัยแบบทดลองยาในคนปกติ พบว่าเมื่อให้ CBD ทางปากครั้งเดียว ยาจะเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว และระดับในเลือดขึ้นสูงสุดภายใน ๔-๕ ชั่วโมง เมื่อให้กินวันละ ๒ ครั้ง ยาจะขึ้นสู่ระดับค่อนข้างคงที่ภายใน ๒ วัน แต่ระดับยาในเลือดจะยังคงสูงขึ้นอีกใน ๒ สัปดาห์ เขาแนะนำว่า ให้กินวันละ ๒ ครั้งเป็นวิธีให้ยาที่เหมาะสม คือมีผลข้างเคียงน้อยมาก ผลข้างเคียงที่พบคือ ง่วง คลื่นไส้ และปวดศีรษะ
นั่นคือผลการวิจัยใน Epidolex ซึ่งมีสูตรจำเพาะ โปรดอย่าโมเมว่า สารสกัดกัญชาในน้ำมันจะให้ผลแบบเดียวกัน
บทความวิชาการแนะนำวิธีใช้สารสกัดกัญชา (4) บอกว่าผลข้างเคียงเกิดจาก THC ซึ่งระดับปลอดภัยอยู่ที่ ๓๐ มิลลิกรับต่อวันหรือต่ำกว่า แต่ CBD มีฤทธิ์ต่ำกว่า จึงต้องใช้ในขนาดสูงกว่า ผมขอแนะนำให้นักวิชาชีพสุขภาพที่สั่งสารสกัดกัญชาให้ผู้ป่วยใช้ อ่านบทความวิชาการ (4) นี้
วิจารณ์ พานิช
๑๗ พ.ย. ๖๒
ไม่มีความเห็น