เมื่อวันที่ 26 เดือนพฤศจิกายน 2562 เราออกจากที่พักช่วงเช้า ๆ วันนี้ครบกำหนดการเดินทางมาเยือนเมืองเขมรแล้ว พวกเราที่ต้องเก็บสัมภาระขึ้นรถแล้วมุ่งไปยังตลาดเช้าในตัวเมืองเสียมเรียบเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของชาวขะแม
นับเป็นตลาดที่มีคนเยอะเหมือนเราเข้าไปในตลาดกิมหยงเมืองหาดใหญ่อย่างนั้นเพราะมีหลายซอกหลายซอย และของวางขายแบกะดินมีเยอะมาก สำหรับการฟังเสียงสำเนียงซื้อขายต่อรองราคานั้นแน่นอนเราไม่เข้าใจภาษา ฟังไม่ออกแต่ก็เป็นสำเนียงเสียงชวนฟังอยู่ ต้องอาศัยคนขะแมที่พูดภาษาไทยได้ให้เขาแปลให้ฟัง แต่ในโรงแรมที่พักนั้นเราสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ ตลอดเวลาที่เราพักนอนในเมืองเสียมเรียบนี้ยามค่ำคืนได้เข้าไปซื้อของฝากจากร้านขายของคล้าย ๆ ตลาดเสื้อผ้าในโรงเกลือเมืองอรัญประเทศของไทย
ช่วงซื้อสิ่งของนั้นสนุกมากเพราะแม่ค้าที่ขายเว้าภาษาลาวบ้าง ภาษาไทยบ้าง ทำให้พวกเราสนใจซื้อของฝากกันเยอะและการต่อรองราคาก็หยวน ๆ ไม่เหมือนการต่อรองราคาสินค้าที่ซื้อในตลาดโรงเกลือเพราะพ่อค้าแม่ค้าไม่ยอมลดราคาให้เท่าที่ควร เมื่อชมตลาดยามเช้า ๆ แล้ว
พวกเราเดินทางไปชมศูนย์ศิลปาชีพในเมืองเสียมเรียบมีการสาธิตแกะสลักหินทราย วาดรูป และปั้นรูปมีลงรักปิดทอง ทอผ้าสิ้นไหมและอีกเยอะ ๆ จนได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน ต่อมาเราไปศึกษาธรรมสังเวชสลดใจในกองกระดูกของผู้วายชนในสงครามกลางเมืองของเขมรที่วัดศรีโสภณถือว่าเป็นวัดหนึ่งในนามทุ่งสังหารเมื่อเราไปถึงแล้วเข้าไปดูแผ่ส่วนบุญไปให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย ผมหยิบมือถือยกขึ้นกำลังจะกดถ่ายภาพ เอ๊ะ กล้องมันถ่ายของมันเองซะแล้ว แปลกใจเหมือนมีใครมากดแทน ยังงงงงอยู่เลยนิ
ต่อมาเราทั้งหมดได้เดินทางถึงด่านปอยเปต ขนสิ่งของสัมภาระของตนลงไปใส่ในรถส่งของเพื่อให้คนเข็นล้อบรรทุกสัมภาระนั้นข้ามไปยังฝั่งไทยด่านอรัญประเทศ ผมกำลังดูการขนสิ่งของใส่รถเข็นหมดแล้วหันกลับมาดูพวกเรา อ้าวหายไปหมด ( ไปเข้าห้องน้ำกันนะ ) ผมจึงเดินตรงไปจั้มหนังสือเดินทางผ่านเข้าเขตไทยในยามเย็นโดยเดินไปโดดเดี่ยวเดียวดายแบบเคว้ง ๆ ฮา มาทราบภายหลังว่าพวกเราเป็นห่วงตามหาอยู่แถวนั้นเพราะกลัวผมหลงทางได้อยู่ต่อที่เมืองเขมรนั้นแล.
ไม่มีความเห็น