การเดินทางอันแสนยาวไกล ภาค 2


ในเวลาต่อมา....ภาค 1

สองสาวขาโจ๋ ณ ชายแดนมาเลเซีย

หลังจากที่เราได้ไปดูงานก็ต้องนั่งรถไปนอนที่ปีนัง แต่เป็นโรงแรมริมทะเลปีนังเจ้าค่ะ ที่นั่นสวยงามมากถึงแม้ว่าตอนที่เราไปถึงจะค่ำแล้ว บรรยากาศคล้ายๆชายหาดป่าตองบ้านเรา แต่โรงแรมเค้าอยู่ริมหาดไม่ต้องเดินข้ามถนนมาเหมือนป่าตอง

บรรยากาศที่พักกับนางแบบแสนสวย

 

แป้นได้ห้องพักอยู่ชั้นสิบ พอเข้าห้องปั๊บสิ่งแรกที่ทำคือการเดินไปที่ระเบียงเพื่อดูว่าวิวของห้องที่เรานอนเป็นงัยบ้าง ปรากฎว่าถูกใจวัยรุ่นมาก เพราะมองไปข้างหน้าเป็นชายหาด และเบื้องล่างเป็นสระว่ายน้ำ ทำให้รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำไป เรายืนคุยกันที่ริมระเบียงพักใหญ่ ก็สังเกตุว่า ริมหาดมีกลุ่มวัยรุ่นนั่งกันอยู่มากมายแม้ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลา ห้าทุ่มแล้วก็ตาม ด้วยความจำมัยของแป้น ก็เลยชวนเพื่อนไปเดินเล่นริมทะเลกันด้วยความอยากรู้ว่าป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับบ้านไปหลับ ไปนอน เพราะ ถ้าเป็นบ้านเราเวลานี้ถือว่าอันตรายอย่างยิ่งกับการเดินเล่น หรือ นั่งคุยกันริมทะเล แต่ที่ปีนังกลับดูครึกครื้นผิดหูผิดตา ดังนั้นแป้นและเพื่อนจึงไม่รอช้า ไล่เคาะห้องเพื่อนๆ เพื่อชวนกันไปเดินเล่นข้างล่างกัน เรารวบรวมผู้กล้ากันได้ 9 คน เพื่อจะไปนั่งเล่นริมทะเลกันโดยไม่ลืมหยิบขนมและน้ำติดมือไปด้วย และแล้วอุปสรรคก็เกิดขึ้น เมื่อโรงแรมปิดประตูเข้าออกทางไปชายหาด แต่ประตูที่เค้าทำไว้เป็นแค่ลูกกรงธรรมดา มีเหรอที่เด็กไทยสไตล์ลูกลิงอย่างเราจะกลัวอุปสรรคแค่นี้ (สบายมั๊กๆ) และไม่ต้องถามว่าผู้กล้าคนแรกจะเป็นใคร เพราะยัยแป้นจอมซ่าเริ่มหาทางปีนตั้งแต่เห็นกุญแจที่คล้องอยู่แล้ว เพราะขี้เกียจเดินอ้อม และแล้วก็ไม่มีใครคัดค้าน ทุกคนปีนตามกันมาเป็นทิวแถว ไม่มีใครบ่นกับความบ้าบิ่นของแป้น แม้มันจะเสี่ยงกับการโดน รปภ.มาด่าก็ตาม เพราะทุกคนก็ขี้เกียจเดินเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อข้ามกันมาจนครบวงน้ำอัดลมจึงเริ่มขึ้น พร้อมกับเสียงเม้าท์กันดังจนเด็กปีนังสู้ไม่ได้ เราคุยกันจนลืมหนาว มารู้ตัวอีกที เมื่อรู้สึกว่าลมแรงมาก เพราะฝนกำลังจะตก พวกเราจึงรีบเก็บของแล้วก็ปีนกลับเข้าโรงแรมกัน แต่อย่าหวังว่าทุกคนจะเข้านอน เพราะมีโปรแกรมฝึกนับเลขให้ครบ 9 กันในห้องเพื่อนต่อ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะขอรับ) แต่แป้นพอเห็นเตียงก็ง่วงนอน ทั้งๆที่เมื่อกี้ยังร่าเริงอยู่เลย จนเพื่อนๆแซวว่า แบตหมดกระทันหันเหรอ แป้นก็เลยส่งตัวแทน เพื่อนร่วมห้องไปเล่นแทน โดยไม่รู้ว่าเค้ากลับเข้ามาที่ห้องกี่โมง มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ดังนั้นตอนเช้าแป้นเลยลองถามดูว่า เมื่อคืนเป็นงัยบ้าง กลับได้คำตอบที่ทำให้นึกในใจว่า โชคดีแล้วล่ะที่ไม่ได้ไป เพราะ เพื่อนบอกว่า อุตส่าห์เล่นอยู่เกือบ 4 ชั่วโมง ได้มาแค่ 40 บาท ไม่รู้จะคุ้มกับปวดหลังรึเปล่า (อิอิ สมนำหน้าอยากซ่านัก) ทั้งๆที่ก่อนไปเค้ายังบอกแป้นอยู่เลยว่าเล่นไม่เป็น แต่กลับนั่งเล่นตั้งนาน

เมื่อเริ่มวันที่สอง เรามีโปรแกรมไปเก็นติ้งกัน แต่หลายคนลงความเห็นว่าควรไปเที่ยวที่ กัวลาลัมเปอร์ ก่อน พวกเราจึงโดนไกด์แซวว่า ให้เรียก KL ซึ่งย่อมาจากคำว่า ควนลัง ห้ามเรียก กัวลาลัมเปอร์ เพราะถ้าใครเรียกชื่อเต็ม ถือว่า คนนั้นบ้านน๊อกกกก บ้านนอก ซึ่งเรียกเสียงฮาให้กับพวกเราได้พักใหญ่ ดังนั้น เราจึงต้องออกเดินทางจากปีนังตั้งแต่เช้า เพื่อให้ไปถึง KL ก่อนเที่ยง เราจึงต้องมานอนต่อกันในรถ แต่ก็มีแค่บางคนเท่านั้นที่นอน เพราะบนรถยังมีกิจกรรมอีกเพียบให้ทำ ไม่ว่าจะ เล่นนับเลขให้ได้ 9 ดูวีดีโอ เล่านิทาน นินทาชาวบ้าน ฯลฯ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละท่านว่าจะเลือกแบบไหน วันนี้แป้นจึงเลือกดูวีดีโอ เพราะเค้าเปิดเรื่อง โกยเถอะโยม ฮามาก แต่ไม่รู้ว่าจะฮาเฉพาะแป้นรึเปล่า เพราะ ทั้งรถได้ยินแต่เสียงแป้นหัวเราะ แต่แป้นว่ามันตลกนะ อาจจะเพราะแป้นยังไม่เคยดูก็เลยขำ แต่คนที่เคยดูแล้วอาจจะไม่ค่อยขำเท่าไหร่

เราไปถึง KL เที่ยงกว่าๆ เพราะแวะกินข้าวกันเกือบชั่วโมง ไกด์เริ่มจากวนรอบ KL 1 รอบ โชคดีที่วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ไกด์จึงบอกว่ารถไม่ติด ถ้ามาวันธรรมดารถจะติดมาก ดังนั้นถ้าใครจะไปเที่ยว KL อย่าไปวันธรรมดาเด็ดขาดเพราะรถจะติด และเริ่มด้วยพระราชวังซึ่ง ใครที่มาเที่ยวที่นี่ก็ต้องแวะ เพราะเวลาใครไปเที่ยวมาเลย์ก็ต้องไปถ่ายรูปที่นี่ เหมือนจะมาเที่ยวสงขลาก็ต้องไปถ่ายรูปกับนางเงือก อะรัยทำนองเนี๊ยะ พวกเราจึงต้องสนองนโยบายของไกด์ด้วยการลงไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เราถ่ายรูปกันประมาณครึ่งชั่วโมง ไกด์ก็พาไปถ่ายรูปกับตึกปิโตนาส(ไม่รู้เขียนถูกป่าว) ซึ่งเป็นตึกแฝดที่สูงที่สุดในโลก ไกด์บอกว่า สองตึกนี้สร้างโดยผู้รับเหมา 2 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น กับ เกาหลี โดยให้สร้างคนละตึก เค้าเลยสร้างแข่งกันว่าใครจะเสร็จก่อน ผลก็คือ ญี่ปุ่นสร้างเสร็จก่อน ประมาณ 2 อาทิตย์ เราได้ถ่ายรูปที่นี่แป๊บเดียวเพราะฝนตก ไกด์เลยเปลี่ยนใจให้เราไปเดินช๊อปปิ้งที่ในตึกแทน ซึ่งมันก็ประมาณเอ็มโพเรียมบ้านเรา ของแพงมากๆ แต่แป้นได้มา 2 ชิ้น อิอิ (เป็นของSale นั่นเอง) และ ใช้เวลาที่เหลือเหล่หนุ่ม อุอุ หนุ่มหล่อๆเพียบแต่ก็ได้แค่มองเท่านั้น (ปล่อยให้น้ำลายหกกันไป) และหลังจากหมดเวลาช๊อป ไกด์ก็พาไปซื้อช๊อคโกแลต อืม!ของโปรดเลยล่ะ แป้นเลยหมดไปหลายบาทกับของโปรดเช่นกัน แต่ไม่ต้องห่วง เพราะชิมกันจนอ้วนเช่นกัน ที่นี่พวกเราแอบหว่านเสน่ห์กันนิดหน่อย ด้วยการอ้อนพนักงานขอถุงที่มีโลโก้ของร้าน ซึ่งการจะได้ถุงนี้มาครอบครองต้องซื้อของตั้งแต่ 1500 บาทขึ้นไป พวกเรา 3 คนเลยรวมกันจ่าย ทั้งหมดก็ 4000 บาท ซึ่งจะได้ถุงแค่ 2 ใบ แต่ด้วยวาทะและสายตาอันออดอ้อนและเว้าวอนของแป้น เลยตะล่อมมาได้อีกใบ เพื่อความเสมอภาค ได้ถุงกันถ้วนหน้า อิอิ เมื่อซื้อช๊อคโกแลตกันจนกระเป๋าฉีก ก็ได้เวลาไปเก็นติ้ง ซึ่งกว่าเราจะไปถึงเก็นติ้งก็ค่ำพอดี

บรรยากาศบนรถ แม้นั่งนานก็ยังยิ้มได้

งั้นพรุ่งนี้ค่อยมาเล่าความตื่นเต้นของการนั่งกระเช้าลอยฟ้าและกิจกรรมในเก็นติ้งละกาน

วันนี้บั๊บบาย

โปรดติดตามตอนต่อไป อิอิ

หมายเลขบันทึก: 67256เขียนเมื่อ 14 ธันวาคม 2006 16:23 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
ป้าช่างกล้านะ  ( ดีใจจังมีเพื่อนแบบนี้  )

โอ้โฮ น้องแป้น คราวนี้ทั้งสนุกและ ชิลๆมากเลยค่ะ ท่าทางสาวๆที่ KL นี่เค้าจะ หรูไฮฯ กันไหมคะ ของแพงๆเนี่ย แล้วน้องแป้นง่วงนอนหรือ สปก.กันแน่คะ

โอ๊ย...พยายามใช้ประโยชน์จากศัพท์เด็กแนวของแป้นนะเนี่ย เหนื่อยจัง สงสัยเป็นไม่ได้ เป็นได้แต่เด็กแนวนอน

  • อ่านแล้วรู้สึกสนุกๆ ไปกับพวกเด็กๆ อย่างคุณแป้น ด้วยจังเลย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท